วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บุษบามีคู่



จังหวัดที่ผมอยู่เป็นจังหวัดเล็กๆริมทางผ่านของถนนสายใหญ่เป็นเมืองชนบทที่มีธรรมชาติและผู้คนสงบ ครั้งหนึ่งโหราศาสตร์เคยรุ่งโรจน์ ณ ที่นี้ และทำให้ชื่อเสียงจังหวัดของเราโด่งดังมาก ในสมัยเมื่อท่านเจ้าคุณใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ ชื่อเสียงในการพยากรณ์ของท่านเล่าลือไปในหมู่โหรเกือบทุกจังหวัด แม้โหรผู้มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯก็เคยมานมัสการท่านอยู่เสมอ ท่านเจ้าคุณใหญ่จึงเสมือนสมบัติของเมืองนี้ที่ชาวเมืองเคารพ รัก และภาคภูมิใจ...

เมื่อท่านมรณภาพ ล่วงมาจนบัดนี้ร่วม  20 ปี ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านยังคงอยู่ก็จริงแต่แสงเพลิงโหราศาสตร์ในเมืองนี้ดับวูบลง เหมือนเพลิงสิ้นเชื้อ นักโหราศาสตร์ที่เคยกระตือรือล้นเล่าเรียนเพื่อเอาดีทางนี้ ต่างเลิกรากันไปทีละคนสองคนจนถึงบัดนี้แทบจะเรียกว่าไม่มีเหลืออยู่เลย...

นอกจากหลวงตาชื้น ซึ่งเคยมาอยู่รับใช้ปรนนิบัติวัตฐากท่านเจ้าคุณใหญ่อยู่ - 3 ปี ก่อนท่านมรณภาพ แม้จะมิได้เป็นศิษย์ที่ได้เล่าเรียนสั่งสอนกันโดยตรง แต่อยู่ใกล้ชิดได้ยินได้ฟังอยู่เสมอจึงพอจะจดจำมาได้ตามกำลังปัญญา เมื่อท่านย้ายมาจำพรรษาในเมือง กุฎิของท่านจึงมีแขกไม่เว้นแต่ละวัน นอกจากชาวบ้านร้านตลาดที่มีทุกข์มาขอความอนุเคราะห์จากท่าน ก็มีพวกนักโหราศาสตร์ที่ยังสนใจและไม่สันทัดจัดเจนมาชุมนุมกันถกเถียงไต่ถามท่านบ้าง มาดูลีลาการพยากรณ์ของท่านเพื่อเก็บเป็นความรู้...

...ในจำนวนนั้นก็มีผมอยู่ด้วยคนหนึ่งที่เป็นขาประจำไม่ขาด ...
อันที่จริงความรู้ทางโหราศาสตร์มือขนาดผมก็แค่งู ๆปลาๆ เป็นนักเรียนก็แค่ประถม ๔ ที่ต้องยึดโหราศาสตร์ไว้เหนียวแน่น เพราะอาชีพผมเป็นหมอแผนโบราณ ผมชื่อเต็มๆว่า นายเถาวัลย์ 
แต่ใครๆทั้งเมืองเรียกผมสั้นๆเหลือแต่ หมอเถา” เดิมอาชีพนี้จำเริญรุ่งเรืองดี แต่พอหมอฝรั่งมัน
เฟ้อเต็มเมือง ผมก็เลยต้องลดฐานะลงมาเหลือแต่แผนกกุมารเวช คือรับกวาดยาเด็กเป็นอาชีพหลัก 
พวกพ่อแม่เด็กก็มักขอให้ตั้งชื่อเด็กบ้าง ผูกดวงเด็กบ้าง เพราะเขาถือว่าการผูกดวงเด็กเท่ากับผูก
มิ่งขวัญเด็กให้เป็น สิริมงคล ผมจึงจำเป็นต้องกระตือรือร้นขวนขวายเรียนวิชาโหราศาสตร์...

วันนี้ก็เช่นเดียวกับวันก่อนๆพอตกบ่ายกะว่าพระฉันเพลเรียบร้อยแล้ว ผมก็แอบไปชวนครูก้อนเพื่อนคู่หูขึ้นกูฎิหลวงตาชื้นเช่นเคย...

พอกราบเสร็จ ท่านก็ยกป้านชาคอของโปรดส่งมาให้อย่างรู้ใจ วันนี้เป็นวันพระ จึงมีขนมเหลือเพลกินแกล้มน้ำชา กินไปคุยไปสารพัดเรื่อง ตั้ง แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่อยมาจนเรื่อดินฟ้าอากาศ...

เสียงหมาใต้ถุนกุฎิเห่ากันขรม แข่งกับเสียงเรียกชื่อหลวงตา แสดงว่ามีแขกมา เณรขั้วซึ่งมีหน้าที่ปรนนิบัติและดูแลแขกก็ลุกไปประตูชานกุฎิ...

เป็นผู้หญิงวัยกลางคน เหลียวหน้าเหลียวหลังคอยระวังสุนัขที่รุมเห่า ไม่ทันเห็นเณรที่ชะโงกประตู ยังคงตะโกนเสียงดัง...  

 “ หลวงตา ขา อยู่ ไม๊ 

เณรชั้วอายุย่าง 16  ปีนี้นิสัยติดค่อนข้างจะทะเล้นๆ ตอบสวนควันทันที... 

ขาของหลวงตาอยู่ทั้งสองข้างจ้ะ เดี๋ยวนี้ตัวของท่านก็อยู่กะขาของท่านน่ะแหล่ะ คุณนายเฮี๊ยะ

แม่ค้าร้านชำในตลาดที่ชอบให้คนเรียกคุณนาย ทั้งยิ้มทั้งค้อนพร้อมกัน 
ประคองถาดรองถวายพระขึ้นบันไดกุฎิ ไม่ต่อล้อต่อเถียง 
ผ่านเฉลียงไปมุขหน้ากุฎิที่หลวงตาเอกเขนกอยู่...

คุณนายเฮี๊ยะวิสาสะครูก้อนกับผมตามประสาคนคุ้นเคยกัน แล้วก็ก้มกราบหลวงตาชื้นประเคนถาดดอกไม้ธูปเทียนและใบชา...

หลวงตาชื้นทอดผ้าอาบรับประเคนแล้วก็ทักทาย 

 “เออ ไม่ได้พบกันเสียนาน ค้าขายดีอยู่หรือ

ไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ  คุณนายเชื้อจีนตอบสำเนียงไทยชัดเจน 

ตั้งแต่เตี่ยเต็กตายไม่มีใครช่วยค้าขายเลยเจ้าค่ะมีลูกสาวกะเขาก็ไม่ได้พึ่งแรงมันทัศนาจรทุกวัน

ครูก้อนร้องเอ๊ะ !  “ทัศนาจรกันยังไง ทุกวัน

ก็มันจรไปจรมา ไม่อยู่ติดร้านสักวัน”  คุณนายเฮี๊ยะตอบยิ้มๆ

ทั้งผมและครูก้อนร้อง อ้อ เหมือนนัดกัน...

คุณนายเฮี๊ยะหันมาทางหลวงตา พูดถึงธุระที่มา

 ดิฉันตั้งใจจะมาให้หลวงตาตรวจดวงชะตา ลูกบุษบาสักหน่อยเจ้าค่ะ 

หนูมันเกิดวันพฤหัส ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ เวลา 5 โมงเย็น เจ้าค่ะ

 (๔ กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๔๘๙)

หลวงตาชื้นถามยิ้มๆ เรียกชื่อเดิมของลูกสาวคุณนาย 

ดูว่าเมื่อไร แม่ฮวยมันจะหายจรไปจรมายังงั้นเร้อะ

ไม่ใช่เจ้าค่ะ  แม่เฮี๊ยะตอบยานคาง  ปีนี้หนูบุษบาของอิฉันอายุย่างเข้า 26  ปีเข้าไปแล้ว ยังไม่มีเหย้าไม่มีเรือนเป็นฝั่งฝากะเขาสักทีกลุ้มใจเหลือเกินเจ้าค่ะ  ธรรมเนียมจีนมันขายหน้าพ่อแม่

ผมคันปากอดไม่ได้ก็เคาะเอาว่า แล้วคุณนายเฮี๊ยะไม่ดูเนื้อคู่กะเขามั่งหรือ

แม่เฮี๊ยะเหลียวขวับมาทางผม จะว่าค้อนก็ไม่เชิงเพราะนัยน์ตาเขียวปั้ดคงเข้าใจว่าถูกเกี้ยวพาราสี ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผมจัง ๆ  

 “นี่หมอเถา ปีนี้อายุกี่ขวบแล้ว ผมก็ขาวโพลนไปทั้งหัว

ก็ 60 แหละ  อีกนานกว่าจะตาย” ผมทั้งอายทั้งเคืองที่ถูกถอนหงอกอย่างไม่ไว้หน้า ถ้ามีเมีย ก็เห็นพอจะมีลูกได้สัก 2-3   คนหรอก

นั่นน่ะซีย๊ะ” แม่เฮี๊ยะกระแทกเสียง...

 คนแก่ปูนนี้มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นสิริมงคลพรรค์นี้มันถึงต้องหากินจนแก่ตาย

ผมหน้าร้อนผ่าว ขยับจะโต้คารมต่อไปอีก ก็พอดีถูกครูก้อนสะกิดจึงได้สติยอมนิ่ง นึกเสียว่าเสียเฟื้องดีกว่าเสียสลึง เพราะยังจำประวัติแม่เฮี๊ยะคนนี้ได้ว่าขนาด  5  ต่อ  1  รุมทะเลาะ ยังด่าไม่ทันแก

ฟังครูว่าสักหน่อยคุณนาย ครูก้อนรีบขัดจังหวะเพื่อหย่าศึก ด้วยการเอาน้ำเย็นละลายยาหอมปลอบ อ้ายเรื่องเช่นนี้มันธรรมดาโลกนะจ๊ะ ไม่น่าขุ่นเคือง ทั้งคุณนายก็ใช่ว่าจะแก่เฒ่าขี้ริ้วขี้เหร่เมื่อไรยังสวยยังอิ่มเอิบ จะปล่อยให้อับเฉาร่วงโรยก็น่าเสียดาย หมอเถาแกถามด้วยความหวังดีหรอกจ๊ะ

อย่ามาจ๊ะมาจ๋าเลยครู เรื่องความหวังดีของผู้ชายน่ะ  แม่เฮี๊ยะชี้นิ้วกราดเฉียดหน้าจนทั้งผมและครูก้อนต้องหลบวูบ " ฉันเข็ดเสียแล้ว  เมื่อแรกๆ แสดงตัวมาก็ทำท่าจะเป็นตัวเถ้าแก่ช่วยกันค้าขาย ลงท้ายก็จะเหมาตำแหน่งลูกเขย ฉันขี้เกียจมีลูกกะหลานพร้อมกัน ลำดับญาติไม่ถูกเลยเฉดหัวหมด

หลวงตาชื้นก้มหน้าก้มตาลงเลขผานาทีกระดานโหรอยู่พักใหญ่ๆ พอผูกดวงเสร็จ ท่านพิจารณาแล้วก็ยิ้มอยู่ในที เลื่อนกระดานโหรมาวางตรงหน้าผมกับครูก้อน...

เอ้าหมอเถากะครู ลองช่วยกันดูซิว่าเรื่องคู่ที่เขาถาม  จะเป็นอย่างไร  







(วันนั้นเป็นวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2515 )  ทั้งผมและครูก้อนช่วยกันตรวจดวงชะตาแม่บุษบา(ฮวย) อย่างถี่ถ้วน ครูก้อนเป็นคนปัญญาไวกว่า ก็ทักขึ้นก่อนว่า...

 “ถ้าว่ากันตามพื้นดวง ราหูเล็งลัคน์อย่างนี้ก็เป็นพินทุบาทว์เป็นดวงชะตาแตก ซ้ำเสาร์ยังเข้ามาเล็งลัคน์เป็นพินทุบาทว์ซ้ำสอง เรือนปัตนิเสียหมดทั้งเดิมทั้งจรยังงี้ เรื่องคู่ครองเห็นจะยังยากนะครับหลวงตา

   เออว่าไป หลวงตาชื้นหันมาทางผม  หมอเถาล่ะ เห็นเป็นอย่างไง”  

ผมสบตากับครูก้อน เกรงใจที่ต้องขัดคอเพื่อน ผมว่าถ้าเป็นดวงอื่นก็อาจจริงตามครูว่า แต่ตรงนี้ลัคนาเขาอยู่ราศีพิจิกเป็นกีฎะราศี  ราหูเดิมเล็งอยู่นั้นเป็นองค์เกณฑ์  แม้เสาร์มาเล็งร่วมอนุโลมเป็นองค์เกณฑ์เช่นกัน  มันควรจะเป็นคุณมากกว่าโทษเรื่องคู่มันน่าจะมีผล

แต่เสาร์จรเล็งลัคน์นี้ ผมไม่เห็นมันดีสักราย ไม่ว่าราศีไหนๆ ตำราเก่าๆทายร้ายทุกราย  
ครูก้อนรู้สึกเสียแต้มจึงรีบแย้ง...

เลยไม่รู้เรื่องกัน  แม่เฮี๊ยะมองหน้าคนโน้นคนนี้เลิกลั่ก   ทั้งดีทั้งชั่วทั้งได้ทั้งไม่ได้จะว่ายังไงเจ้าคะหลวงตา

เดี๋ยวอย่างเพิ่งขัด  ผมโบกมือห้าม เสาร์ถึงราหูมันน่าจะได้เพื่อนร่วมชีวิตน่ะนา

 หลวงตาหัวร่อจนตัวคลอน...

เอ้าว่าเข้านั่น มันก็ถูกทั้ง 2 คนนั่นแหละ เพราะตำราเขาว่าไว้ยังงั้น
ถ้าถูกทั้งผมกะหมอเถา แล้วจะทายเขายังกันล่ะครับ” ครูก้อนฉงน

เออฟังให้ดีทั้งสองคน  หลวงตาลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิตัวตรง  องค์เกณฑ์หรือพินทุบาทว์น่ะเขาเอาไว้อ่านดวงเดิม กฎเกณฑ์พวกนี้ยังมีอีกแยะ ของเก่าเขาก็ไม่ผิดหรอก แต่มันเหมือนตาลยอดด้วนเอามาทายโดดๆไม่ได้ มันไม่มีทางเดิน กฎเกณฑ์มันขัดกันเข้า  คนพยากรณ์มักหกล้มเสียก่อน  
              
 ...หลวงตาชี้มือลงบนกระดานโหร...

 จะว่าข้างราหูเล็งลัคน์ในดวงเดิมเป็นพินทุบาทว์ไม่ถึงกับว่าจะมีคู่กะเขาไม่ได้ตลอดชีวิตหรอกเป็นแต่เพียงว่ามีคู่ช้า เพราะดาวมฤตยูร่วมราศีอยู่ด้วย อย่างรายแม่หนูบุษบานี่ก็อายุล่วงเข้า ๒๖ แล้วสมัยนี้ถือว่าช้ามาก เพราะเขาตบแต่งกันตั้งแต่อายุ 16-17  เสียโดยมาก แต่ว่าบทจะมีคู่ก็ปุบปับรวดเร็วตามอำนาจราหู” 
  
หลวงตาชื้นหยุดรินน้ำชาจิบแก้คอแห้งแล้วก็พูดต่อ ที่ว่ามีคู่ช้าเพราะอะไร ถ้าเล่นแต่กฎเกณฑ์ มันก็เหมือนตาลยอดด้วนอย่างว่า ไม่มีทางเดินคำพยากรณ์ต่อได้ การเล่นโหราศาสตร์จะทิ้งภพทิ้งเรือนทิ้งดาวเขาไม่ได้ เพราะเป็นหลักใหญ่ ทั้งทางเดินคำพยากรณ์ก็เป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งเพิ่มธาตุเพิ่มทักษาก็
ยิ่งวิจิตรพิศดาร  

 ผมกับครูก้อนได้แต่นั่งอ้าปากฟัง เหมือนศิษย์ฟังครูสอน หลวงตาก้มลงดูกระดานแล้วก็อ่านดวงให้ฟังต่อ  ดูทางเรือนเขาราหูเจ้าเรือนพันธุมากุมเรือนปัตนิ ญาติมันคอยคุมเรื่องคู่ ดูศุกร์เจ้าเรือนปัตนิต่อไปอีกก็มาอยู่ภพศุภะ เรื่องคู่ครองมันหนีไม่พ้นผู้ใหญ่กะญาติคอยจัดแจงเจ้ากี้เจ้าการอยู่อีตอนมันขัดข้องช้านานก็เพราะศุกร์เจ้าเรือนปัตนิร่วมเสาร์กาลกิณีนี่แหละ มันถึงมียากมีเย็น  

หลวงตาพูดถูกเจ้าค่ะ แม่เฮี้ยะรับ อิฉันเป็นคนคอยควบคุมเข้มงวดเพราะมีลูกสาวกะเขาคนเดียวไม่อยากจะต้องใส่ตะกร้าล้างน้ำ แนะนำคนไหนให้มันไม่ชอบสักคน 

...หลวงตาพินิจพิจารณาดวงในกระดานแล้วมาเปิดปูมโหรดูอยู่ครู่ใหญ่... 

“ ได้การละ แม่บุษบาจะได้พบอิเหนากันเสียที ปีนี้ละว๊ะได้แต่งกันแน่ คุณนายเตรียมฉีกผ้าอ้อมเลี้ยงหลานได้แล้ว 
  
 จริงหรือเจ้าคะ หลวงตา แม่เฮี๊ยะนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความยินดีปรีดา 

จะซักเมื่อไร กลางปีหรือปลายปีอิฉันจะได้บอกนังหนูมันรู้ตัว 

นี่ก็เข้าเดือน 3  แล้ว  หลวงตานั่งนับนิ้ว...

  ตกในเดือน  6  นี่แหละแต่งแน่ อีตอนศรีถึงปัตนินี่ต่อให้ขังไว้บนปราสาท 7   ชั้นก็ต้องมีผัวแน่ หาฤกษ์ให้ก่อนก็ยังได้ว๊ะ  
                 
 อีก เดือน  แม่เฮี๊ยะรำพึงกับตัวเอง  แต่มันยังไม่มีเค้าเลยเจ้าค่ะ หลวงตา เพิ่งปฏิเสธเขาไปหยกๆ

เมื่อเร็วๆนี้เอง 
     
 ไม่รู้ ฉันว่าตามดาวตามดวง  หลวงตาชื้นว่า  เอ้าหมอเถากะครูดูเอา มันหลายมุมนัก  

 ผมกะครูก้อนชะโงกดูกระดานโหรตามมือหลวงตาที่ชี้ ขั้นแรกดูทักษาปีนี้อายุเข้า 26   ตามปูมพุธ ราหูเป็นศรี ดูราหูเดิมซิมันอยู่ปัตนิ  มันก็คือปัตนิมาเป็นศรีข้อหนึ่ง 

 ข้อสองราหูที่เป็นศรีเหยียบเรือนเสาร์ ถึงจะเป็นเรือนกาลกิณีเดิมก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นคู่มิตรกันย่อมไม่ทำลายกัน  เมื่อศรีเข้าเรือนเสาร์และเสาร์จรเล็งลัคน์ ดาว 2 ดวงนี้มันไฟฟ้าต่อสายเป็นดวงเดียวกัน ก็เท่ากะว่าศรีเล็งลัคน์เต็มตัว  

ข้อสามเสาร์จรเข้าเรือนปัตนิทับราหูเดิมคู่มิตร มันคู่มิตรกันยังไงคู่มิตรเขากำลังโกรธกันหรือกำลังรักกัน มันต้องดูเสาร์เดิมของเขากับราหูจรในดวงนี้มันเล็งกันรักกันเป็นคู่เสน่หา ยืนยันเรื่องดาวทับกันในเรือนปัตนิ มันก็ให้ผลเรื่องผัวเรื่องเมียชัดๆ ไม่ต้องสงสัย
             
  หลวงตาหยุดหายใจ หอบเสียจนจีวรกระเพื่อมเพราะพูดมายืดยาว พอพักดื่มน้ำชาจนหมดถ้วย ท่านก็เริ่มชี้ให้เห็น  ทำไมฉันถึงทายว่าเขาจะได้แต่งงานกันในเดือน 6  เพราะรอให้ศุกร์เจ้าเรือนปัตนิถึงเรือนของเขาเสียก่อน พอย่างเดือน 5  อังคารกาลกิณีจรก็เข้าเรือนปัตนิก่อนกระทบเสาร์คู่ศัตรูและทับคู่มิตรเข้าเต็มแรง อีตอนนี้แหละจะยุ่ง แทบจะเลิกตบเลิกแต่งกันทีเดียวเคราะห์ดีพอข้างขึ้นแก่ๆ ศุกร์ก็ยกเข้าไปเป็นเกษตรในราศีพฤษภเรือนของเขา อังคารเป็นคู่มิตรกับศุกร์อยู่แล้ว  เมื่อเจ้าของบ้านเขาเข้ามาเป็นเกษตรอยู่  อังคารกาลกิณีก็เซาหมดฤทธิ์ไป ทำลายเรือนปัตนิเขาไม่ได้ กะพอว่าอังคารไปตกมรณะก็ได้การแน่ในเดือน 6”  
          
ทั้งผมและครูก้อนมองเห็นทางเดินของดาวในดวงชะตาสว่างไสวยังกะจุดเจ้าพายุดู แม่เฮี๊ยะนั่งอ้าปากฟังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องดาวเรื่องดวงจับความแต่ว่าลูกสาวจะได้แต่งแน่ก็พอใจ 

             “เนื้อคู่ของหนูบุษบา เขารูปร่างยังไงเจ้าค่ะ ฐานะยากดีมีจนสักแค่ไหน  

แม่เฮี๊ยะพยายามซักละเอียด อย่างเอารูปร่างเลย คนเรามันอ้วนได้ผอมได้ แต่ดาวมันคงที่เขาเป็นที่มีอายูพ้นวัยกลางคนแล้ว ตระกูลดั้งเดิมของเขาก็ยากจนมาก่อนเพิ่งจะมาตั้งเนื้อตั้งตัวมีชื่อเสียงภายหลังนี้เอง 
      
                  “เขาจะอยู่กันยืดไม๊เจ้าค๊ะ และจะมีลูกผู้ชายสืบแซ่ไหม  

                  บ๊ะ-ซักจริง ยังไม่ทันแต่งลูกถามถึงหลานเสียแล้ว  
หลวงตาชื้นหัวเราะเอิ๊กลงลูกคอ    ไว้เอาดวงผู้ชายมาดูสมพงษ์กันมันถึงจะรู้ 
     
      แม่เฮี๊ยะซักโน่นซักนี่จนแน่ใจก็กราบหลวงตาลากลับ กับครูก้อนแกยกมือไหว้ลา
 แต่กับผมแกใช้ชำเลืองหางตาค้อนขวับแทนบอกลา คงยังเจ็บใจที่ถูกเย้าเมื่อแรกมา ...  
             
        พอแม่เฮี้ยะลงกุฎิไปแล้ว ครูก้อนยังติดใจสงสัยคำพยากรณ์ของหลวงตาที่เป็นเรื่องเป็นราวน่าฟัง  ก็ซักต่อ หลวงตาดูอะไรจึงทายเขาว่าจะได้ลูกเขยมีอายุฐานะอย่างว่า 

      " อ้าวครู ก็เมื่ออ้ายตัวจะก่อเรื่องคู่มันคือเสาร์จร เราก็ดูเสาร์เดิมเขาเป็นประ มันก็ยากจนต่ำต้อย
มาก่อน อีตอนเสาร์จรมาเล็งเป็นเนื้อคู่เป็นมหาจักรมีชื่อมีเสียงมีฐานะขึ้น อ้ายเรื่องอายุก็ดาวเสาร์อีกนั่นแหละ  เสาร์แปลว่าเก่านานก็เมื่ออายุมันเก่ามันนานก็ต้องไม่ใช่คนหนุ่มซีว๊ะ

... ผมกับครูก้อน ก้มลงกราบเหมือนนัดกันไว้ เพราะคิดถึงพระคุณที่ท่านให้อรรถาธิบายจนแจ่มแจ้ง...
                
เหตุการณ์ต่อมา มีพ่อค้าทางชุมพรค้าขายเป็นเอเย่นต์บุหรี่และสุราฐานะดี เมียตายตกพุ่มหม้าย แต่ง
แม่สื่อมาเจรจาสู่ขอแม่เฮี๊ยะตกลงรับเพราะลูกสาวไม่ขัด เมื่อรับของหมั้นขันหมากแล้ว ก็กำหนดนัดวันแต่งงานกระทันหันในวันที่  8  พฤษภาคม  2515  ตรงกับวันจันทร์แรม 12 ค่ำ เดือน  6 เมื่อวันแต่งผมถือย่ามเป็นลูกศิษย์ ตามหลังหลวงตาไปสวดมนต์ฉันเพลและผมได้รับเลี้ยงมาอิ่มหนำสำราญ...

 ๑. ชาคอ = รสดี     ส่วน ชากลิ่น = รสปานกลางแต่กลิ่นหอมมาก...

...เรื่องราวของ "บุษบามีคู่ " ก็ได้จบลงเอย...แฮ๊ปปี้เอ็นดิ้ง...แต่เพียงเท่านี้...

...นิยายเรื่องจริงโหราศาสตร์ ของท่าน อ.อรุณ ลำเพ็ญ ยังมีอีกมาก ผมจะค่อยๆจัดนำเสนอในต่อไป...
...พบกันใหม่ในบทความ + บทเรียน + นิยายเรื่องจริงโหราศาสตร์  กันได้นะครับ...สวัสดี...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น