ศาสตร์แห่งการพยากรณ์
ชีวิตในวัยเด็กของผมเกิดมาเพื่อเล่นดนตรีโดยตรงอายุ๑๒ ปีมีนักดนตรีคนหนึ่ง
ชื่อว่า" พี่อ๊อด "ได้มาส่อนผมเล่นกีต้าร์อยู่ประมาณ ๑ เดือนแล้วแกก็ไปเล่นดนตรี
ที่คลับไม่มีเวลามาสอนผมอีก แต่ผมก็ถือว่าแกเป็นอาจารย์ของผมตลอดชีวิต...
อย่างแน่แท้...
...หลังจากนั้นผมก็ฝึกด้วยตัวเองปราศจากครูบาอาจารย์ที่จะชี้แนะนำอีกต่อไป...
...{ พี่อ๊อด ที่ได้กล่าวถึง ได้มรณะกรรมไปแล้วเมื่อวันที่ ๖ ก.พ. ๒๕๕๕ }...
ในตอนนั้นผมอยู่ร.ร.เซ็นต์คาเบรียลก็มีเพื่อนนักเรียนชวนรวมวงขึ้นมาเล่นตามงานต่างๆไปเรื่อย จนเกิดความชำนาญอยู่๔-๕ปีพอจบ ม.๖ ก็ไปเล่นดนตรีที่แสมสารซึ่งเป็นแค๊มป์ฝรั่งสมัยนั้น...ผมก็เล่นมาเรื่อยๆเดิมทีเล่นกีต้าร์ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ด สลับไปสลับมาหยุดบ้างเล่นบ้างไปเรื่อย จนพ.ศ.๒๕๓๘ บิดาผมป่วยหนักเลยไปที่วัดบวรหาโหรให้ดูดวงคุณพ่อผม ทางโหรเขาก็รู้จักคุณพ่อผมดีบอกว่า "ท่านอายุยืนไม่เป็นไรหรอกอยู่ถึง ๙๐ ปีกว่าแน่นอน "ผมฟังแล้วก็ดีใจอย่างมากแต่พอหลังจากนั้น บิดาผมได้รับการผ่าตัดและเสียชีวิตใน ๒วันหลังผ่าตัดทั้งๆที่แพทย์บอกว่า"ผลของการผ่าตัดเป็นที่พอใจของแพทย์" ? หลังจากที่บิดาเสียชีวิตไป ผมก็มาครุ่นคิดว่า"จะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี"พอดีที่บ้านคุณพ่อมีหนังสือโหราศาสตร์อยู่ ๓ เล่มคือ ๑. อ.บรรเทา ๒. อ.พลูหลวง ๓. อ.ประทีป "โหรทายหนู"...
ผมก็เลยเริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์ กินข้าวเย็น ๖โมงชึ้นห้องพระอ่านตำราจนถึง๑๐โมงเช้ าทำอย่างนี้ทุกวันเป็นเวลา๒ปีเต็มและต่อมา ผมก็รู้สึกได้ด้วยตัวเองว่า"โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สุดยอดและลึกล้ำจริงๆ"เพราะยิ่งเรียนมากเข้ายิ่งเหมือนกับว่าเราแทบไม่รู้อะไรเลย!เข้าตำราว่า "ยิ่งเรียนยิ่งโง่ นานไปยิ่งมึน " กระมังครับ...คือยิ่งเรียนมากขึ้นเราจะรู้สึกว่ารู้น้อยมากขึ้นไปทุกที...
...ท่านผู้อ่านเอาละครับตอนนี้พอแค่นี้ก่อนมีตอนต่อไปอย่างแน่นอน...
...เรื่องราวพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเองครับ...
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น