วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โหราศาสตร์แห่งจักรวาล







...เรื่องราวของชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้ ถูกถอดระหัสจากโค๊ตจักรวาลและแปลเรียบเรียง
ออกมาเป็นใจความของแต่ละดวงชาตาจากวิชา...

                          "โหราศาสตร์"


...ซึ่งเป็นวิทยาการเก่าแก่มีมานานคู่กับมนุษย์โลกวิชาหนึ่ง โหราศาสตร์ไม่ใช่วิชาลึกลับ 
ซับซ้อน ซ่อนเร้นแต่อย่างไร ความยุ่งยาก...วุ่นวาย สับสนเกิดจากตำรับ ...ตำราหรือ... 
ครูบาอาจารย์ผู้สอนนำเอากฏเกณฑ์ที่น่ามึนงง สับสน เอามาใช้กันต่างหาก เอาตำรา
มาปู้ยี่ปู้ยำ ใช้กันอย่างสะเปะสะปะ หรือกฏเกณฑ์ต่างๆที่ล้าสมัยทำให้ผู้ที่ศึกษาเล่าเรียน
ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆเพราะไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด จำกันไปผิดๆเสียมาก การประสบ
ความสำเร็จจากการเรียนโหราศาสตร์เกิดขึ้นจากการพยายามจดจำหลักเกณฑ์ที่สำคัญ
ต่างๆ เช่น ทำความเข้าใจกับราศีทั้ง ๑๒ ให้ได้อีกทั้งรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆมีจักรราศี
ดวงดาว เรือนชาตา ภพเรือน ตรีโกณ จตุโกณฑ์ มุมโยค มุมเบียน มุมเล็งฯลฯ ...


...มาในปัจจุบันนี้โลกได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดูจากสมัยก่อนดูการ์ตูนเรื่อง 
" ยุคจรวด " ในการ์ตูนมีบันไดเลื่อน ตอนที่ดูในตอนนั้นรู้สึกน่าเหลือเชื่อ แต่ในปัจจุบัน
ก็สามารถทำได้มาตั้งนาน-นมมาแล้ว และอีกหลายๆเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ก็เป็นไปแล้ว
อย่างสวยงามหมดจด...แต่ดั้งเดิมมาในวิชาโหราศาสตร์ก็ยังไม่มีดวงดาวที่มีความหมาย
ถึงแอร์ เพราะในสมัยก่อนประเทศเรายังไม่มีเครื่องปรับอากาศใช้กัน แต่ว่ามาในปัจจุบันมี
ใช้กันอยู่ดาษดื่นทั่วไป...


...ดังนั้นท่าน อ.ส.ไชยนันท์ก็เอาดวงดาวมาประยุกต์ว่า ดาวจันทร์หมายถึงน้ำ ดาวมฤตยู
หมายถึงเครื่องไฟฟ้า ดาวเนปจูนหมายถึง เคมีเมื่อเวลาที่ดาว ๒ จรมากุมดาว ๐ และเกี่ยว
ข้องในทางโยค หรือกุมกันกับดาวเนปจูนในเรือนอริ มรณะ วินาสน์ แปลว่า น้ำยาแอร์มี...
มีปัญหา ก็นับว่าเป็นความคิดที่แยบยลดี และถูกต้องดี...ทันสมัยมากๆนะครับ...ความจริง
เรื่องเอาดาวมารวมกันแล้วแปลความหมายออกมามีมาตั้งแต่โบราณแล้ว...


...อาทิสูตรผสมดาวของท่าน อ.พ.อ  [ พิเศษ ] เอื้อน มนเทียรทอง ก็มีมานานแล้วซึ่งอยู่ใน
ตำรา " ครูโหร " ของท่าน ยังมีของท่าน อ.สิงห์โต สุริยาอารักษ์ ก็มีอยู่ในตาราโหราศาสตร์
ของท่านเช่นกัน...ระบบนี้ทางโหราศาสตร์ไทยบางสำนัก อาจจะไม่ยอมรับกันนัก...แต่ที่จริง
ผมว่า ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์สากล หรือโหราศาสตร์ไทยก็มาจากต้นตอเดียวกันนั่นแหละ
ถ้าเรารู้จักนำมาผสมกันแบบตำน้ำพริกโดยใช้ครกหิน...ก็จะสามารถเข้ากันได้อย่างสนิทชิด
เชื้อเหมือนกับตำน้ำพริกเช่นกัน...


...ถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาประเภทอื่นๆ เช่น ไพ่ยิปซี เลข ๗ ตัว กร๊าฟชีวิต ฯลฯ ถ้านำเอาความ
หมายและการผสมกันของดวงดาวเข้าไปผนวกเข้าด้วยกัน ก็น่าจะเกิดผลดี ผลงามขึ้นมา
ไม่ใช่น้อยทีเดียว...เพราะผู้ที่เป็น" โหร " หรือ " หมอดู " จุดประสงค์หลักก็คือทำนายดวง
ชาตาให้ผู้คนเหมือนกัน ผิดกันก็คือเป็นคนละแขนงเท่านั้นเอง...ผมว่า...ผู้เป็นโหรทำนาย
ดวงชาตาจากดวงดาว ฯลฯ วิชาอื่นๆก็ทำนายดวงชาตาจากสื่อต่างๆกันเช่น ไพ่ กร๊าฟ...
เลข ๗ ตัว...ซึ่งที่จริง ตัวเลข กับดวงดาว ก็มีส่วนสัมพันธ์กันอยู่แล้วชนิดที่เรียกว่า แยกกัน
ไม่ออก...โดยเฉพาะในวิชาเลขศาสตร์ ก็จัดว่ามีความแม่นยำไม่น้อยหน้าใครเขาเหมือนกัน


...ทุกประเภทถือว่าเป็นศาสตร์ด้วยกันทั้งสิ้นทุกระบบ ผมคิดว่าทุกฝ่ายจับมือกัน เข้ามาทำ
ความเข้าใจกัน ปรองดองกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมกันทำให้ศาสตร์ทั้งหลายรวมเป็น
น้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าว่าคิดว่าของเราดีกว่า แม่นกว่าของคนอื่นเขาเลย ช่วยกันพัฒนา
ทำให้ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ทั้งหลายได้บรรลุถึงจุดสูงสุด สุดยอดกันซะที่เถอะครับ...

...อโหรา คือ ชั่วโมง หรือชาตะ
...โหราจารย์ คือผู้ที่ทำนายทางวิชชาโหร
...โหราศาสตร์ คือตำราดูฤกษ์ดาราศาสตร์
...คำว่า"โหร" ไทยอ่านว่าโหร สันสกฤตอ่านว่า โหรา แปลว่า ...

...หมอดูฤกษ์หรือผู้ชำนาญทางดาราศาสตร์
"โหรา" แปลว่า โลกอื่น แปลความหมายได้ว่า"ทายกาลล่วงหน้า หรือว่า
... ดูอนาคตล่วงหน้า
"ศาสตร์" แปลว่า วิชาการต่างๆ
...รวมความได้ว่า โหราศาสตร์แปลว่า วิชาที่ดูอนาคตล่วงหน้า



...เห็นคำแปลที่ว่านี้กันไหมครับ เข้าทางกันทุกประเภทเลยละ!...


...สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ หัวใจของโหราศาสตร์ก็คือ การนำเอา ศาสตร์ องวิชาการ 
บรรจุเอา ศิลปะ คือเทคนิค ลีลา ความสอดคล้อง และก็เสริมต่อด้วย สถิติ ต่างๆ
ที่ต้องรวบรวมเอาไว้...ประเด็นสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ...บุคคลนั้นจะต้องมี ญาณ พิเศษ
ในตัวอีกด้วย...จึงจะครบสูตร "หัวใจของโหราศาสตร์ " อย่างแท้จริง...





วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พระเจ้าตากสิน มหาราช


      ดวงชาตาพระเจ้าตากสิน มหาราช

        ๑๗ เม.ย. ๒๒๗๗  เวลา ๑๒.๑๐ น.       ๑๓
                                                                   ๑           ๕ ปีขาล












... จากปูมโหรของท่าน อ.พลูหลวง ...

... โยคเกณฑ์ ...



๑.ดวงได้ตรีโกณชั้นหนึ่ง มีดาวพฤหัสบดีมหาจักรกับศุกร์มหาอุจจ์ตรีโกณถึงลัคนา...

๒.ดาวอาทิตย์มหาอุจจ์ลอยเหนือศรีษะขณะเกิด...


...วิจารณ์...


๑.ดาวอาทิตย์มหาอุจจ์ลอยเหนือศรีษะขณะเกิด ทำให้พระองค์สามารถตั้งตนเป็นกษัตริย์ได้สำเร็จ
อาทิตย์ธาตุไฟกุมดาวคู่ธาตุดิน คืิ พุธกับเสาร์สร้างความเข้มแข็งแก่ดวงชาตายิ่งนัก...

๒.ขณะที่พระองค์อุบัติบนโลก มีดาวลอยอยู่บนฟ้า ๕ ดวง โดยอยู่กันพร้อมเพรียงครบ ๔ ธาตุพอดี
คือ เนปจูนธาตุน้ำ อาทิตย์มหาอุจจ์ธาตุไฟ พุธกับเสาร์ธาตุดิน ศุกร์มหาอุจจ์ธาตุลม...

๓.ดาวจันทร์ตนุลัคน์ มีดาวตรึงในมุมจตุโกณครบถ้วน คือ...
ดาว พลูโต อังคาร ศุกร์มหาอุจจ์ และเนปจูน...

๔.ดาวศุกร์มหาอุจจ์อยู่ในภพที่ ๙ ศุภะ มีส่วนสำคัญทำให้ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ขึ้นได้ ...
และมีอำนาจเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวหลังจากปราบปรามก๊กต่างๆ ที่แตกแยกกันเป็นหมู่เหล่า...
จนรวบรวมไว้ในอำนาจได้หมดทุกก๊ก...

๕.พระลัคนาสถิตราศีธาตุน้ำ พระองค์จึงได้รับความสำเร็จทางน้ำ โดยยกกองทัพเรือขึ้นมาขับไล่
พม่าข้าศึกออกไปจากเมืองบางกอกจนหมดสิ้น...

๖.ดาวอังคารนักรบตรีโกณถึงกลุ่มดาว ๓ ดวง ในเรือนกัมมะ แสดงว่ากิจกรรมของพระองค์...
ส่วนใหญ่ก็คือการรบทัพจับศึกต้องปราบปรามศัตรูไปทั่วทุกทิศานุทิศ...

๗.เพราะว่าดาวจันทร์ตนุลัคน์ กุมดาวพลูโตมรณะของตนุลัคน์ และยังถูกบาปเคราะห์อังคารกับ
เนปจูนเบียนในมุมฉาก จึงทำให้สุขภาพของพระองค์ทรุดโทรม ด้วยเคร่งเครียดจากการสงคราม
มามาก และท้ายที่สุดก็ถึงแก่เสียพระสติ ให้สังเกตุว่ามีดาวเสาร์นิจเบียนโดยลอยอยู่เหนือศรีษะ
ขณะเกิด และราหูก็ตรึงลัคนาในมุมจตุโกณ ดาวมฤตยูมรณะกับพฤหัสบดีอริตรีโกณถึงพระลัคนา
เป็นเหตุให้ต้องถูกแย่งอำนาจจากพระยาสรรค์ และต้องถูกสำเร็จโทษในที่สุด จันทร์ตนุลัคน์กุม
พลูโตมรณะ มีส่วนให้อ่านดวงพระชาตาได้ว่ามีพระชนมายุสั้น...

๘.ดาวเนปจูนเจ้าเรือนภพที่ ๙ อันเป็นภพของราชบัลลังค์ไปอยู่ที่ภพวินาศนะประการหนึ่ง และยัง
ถูกอังคารบาปเคราะห์เล็งอีกประการหนึ่ง จึงถูกแย่งอำนาจ...

๙.ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการเดินทางการแสวงโชคกุมพฤหัสบดีปรากฎว่า พระองค์ยกทัพไปรวบรวม
ไพร่พลที่จันทบุรีจนตั้งตัวได้แล้ว จึงย้อนกลับมาตีข้าศึกจนแตกในภายหลัง...
...ดาวคู่นี้จึงเป็นคู่แห่งโชคลาภทางไกลโดยแท้...


...ข้อสังเกตุ...


...ดวงพระราชชาตาของมหาราชผู้กู้ชาติพระองค์นี้มีดาวเสาร์อยู่ในภพที่ ๑๐ ทำให้พระองค์ต้อง
ลำบาก ต้องรบทัพจับศึกแทบตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์มีความเด็ดขาดมั่นคง พระราชหฤทัย
เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง จนเป็นที่เกรงกลัวของแม่ทัพ นายกองข้าราชบริพารทั่วไป...ด้วยอำนาจอัน
เด็ดขาดนี้ เป็นเพราะอิทธิพลของดาวเสาร์ ทำให้ทรงควบคุมจิตใจของผู้คนที่ระส่ำระสาย เข้า
เป็นอันหนึ่งอันเดียว จนสามารถกู้ชาติบ้านเมืองได้เป็นผลสำเร็จ...

...ดาวเสาร์จึงเป็นดาวที่ให้คุณในความเด็ดเดี่ยว เพราะบุคคลที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวเสาร์

ล้วนแต่ใจคอมั่นคงและยึดมั่นในอุดมการณ์ อย่างแน่วแน่ไม่คลอนแคลนได้ง่าย...

...ดาวเสาร์ กุมดาว ๑ กับ ๔ โดย ๑ เป็นมหาอุจจ์บ่งถึงการกระทำกิจการใหญ่เป็นผลสำเร็จดีเยี่ยม

และตั้งตัวได้...


...ดวงพระราชชาตายังมี ดาว ๖ มหาอุจจ์ กับ ๕ มหาจักรตรีโกณถึงเป็นการส่งเสริมความสำเร็จให้
ดาว ๐ จึงเป็นดาวแห่งการปฎิรูปเปลี่ยนแปลง การเสี่ยง การค้นคว้า การแสวงหาที่ใหม่ๆ ...
ในดวงพระราชชาตากุมดาว ๕ ซึ่งเป็นศุภเคราะห์อันยิ่งใหญ่ ทำให้การเสี่ยงต่างๆ ของพระองค์
ได้รับความสำเร็จดีเยี่ยมตลอดมา...

...แต่ดาวเสาร์นั้นเป็นนิจ ความสำเร็จเกิดขึ้นก็จริงอยู่ แต่โทษย่อมมีในบั้นปลาย ปรากฎว่า...
พระองค์ต้องประสบเคราะห์กรรมอันร้ายแรงยิ่งในวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ...




... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...


...เป็นบทความจากปูมโหรท่าน อ.พลูหลวงล้วนๆ ครับ...

...พบกันใหม่ใน บทความ+บทเรียน ต่อไปกันได้ครับ...สวัสดี...

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โหราพาเพลิน







...ในช่วงเวลาใกล้ ๑๙.๐๐น,เป็นเวลาที่ผมกำลังจะเริ่มบรรเลงบทความต่างๆ บรรจุลงไปใน
เว็บไซด์ทั้งหลายแหล่...[ ถ้าคงจะมีหลายเว็บไซด์ละซิ ] นั่งหารูปสวยๆบ้าง ค้นดวงชาตาใน
สมุดบันทึกบ้าง หรือนึกครึ้มเข้าไปที่Photoshop ทำดวงต่างๆเตรียมไว้ลงเว็บ จิปาถะที่จะทำ 
เป็นเรื่องธรรมดาของคนมีเกตุกุมลัคน์ ยุ่งทั้งวัน ยุ่งกันไปเรื่อย ไม่จบสิ้น แต่ก็ดีไปอย่างเพราะ
วันๆนึงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวเย็นแล้ว อ้าวค่ำแล้ว เผลอๆไป ปาเข้าไป ...
๖ โมงเช้าแล้ว แบบนี้ทุกเช้า สาย บ่าย ค่ำและครับ ผมนี่นะ!...

...ชีวิตของผมไม่ใช่พึ่งเป็นตอนปัจจุบันนี้หรอก เมื่อสมัยก่อนตอนที่เล่นดนตรี ยังเป็นเด็กเล็ก
อยู่ก็เบาซะเมื่อไหร่ ตอนพ.ศ.๒๕๑๒ แกะเพลง Spinning wheel ของคณะ ...

...Blood Sweet & Tears ฟังกันจนลืมเวลาเลยละ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันเลย ได้ผล
ครับคือ...ผมเป็น " ดีซ่าน " ไปให้หมอฉีดยาเจอเข็มอันเบ้อเร่อ แล้วหมอค่อยๆฉีด...คุยไป 
ฉีดไป เบ็ดเสร็จ ๑๕ นาทีถึงจะเสร็จ [ เข็ดไปจนตายละ ] คุยไปคุยมา Back to the Past 
ให้ท่านผู้อ่านฟังซะอีก...เล่าเลยดีกว่า...

...คืนนี้เป็น วันที่ ๒๙ ส.ค.๒๕๕๖ วันพฤหัสบดี เวลา ๑๙.๒๐ น.ตกยาม ๕ อ่านยามนาฬิกา
จากลัคนาผมได้ว่า...ลาภะ - กฎุมภะ ...ผมกำลังเลือกดวงชาตาที่จะทำเป็น ...
บทความ+บทเรียน ลงเว็บไซด์อยู่...

...ผู้ชาย เกิดวันที่ ๑๙ มิ.ย.๒๔๙๕...เวลา ๐๐.๔๕ น. วันพุธ [ กลางคืน ] แรม ๑๒ ค่ำ
เดือน ๗ ปีมะโรง...ก.ท.ม.






 ...ตกลงก็เลือกดวงนี้ขึ้นมาเป็นดวงลูกศิษย์และเป็นพรรคพวกกันแถมยังเกิดปีเดียว
กันอีกซะด้วย [ เข้าท่าดี ]เป็นคนที่ชอบศึกษาโหราศาสตร์มานานแล้ว ก็มองไปที่ดวง
...อ้อ มีดาว ๕ { โหราศาสตร์ ]เป็นศูนย์พาหะนำพานี่เอง...แล้วชอบละ...ดาว ๒ เจ้าเรือน
ภพปุตตะ [รักใคร่ ชอบ ] เป็นมหาจักรไปกุมดาว ๕ ตนุ [เจ้าชาตา ] 
+กัมมะ [ กิจกรรม ] เป็นราชาโชค [ เลื่อมใส ศรัทธา ] เป็นคู่ธาตุ [ เน่นแฟ้น ] 
...เอ แสดงว่าชอบโหราศาสตร์จริง ...
[ ผมพูดในใจ ] ...เคยจำได้ว่าเขาบอกว่า แต่งงานมาไม่เคยเสียขันหมากเลย...
ผมก็มองไปที่ดวงเห็น ดาว ๒กุมกับดาว ๕ = ๒+๕ เป็นคู่ธาตุ [ หนักแน่น ] โคลง
กลอนโหรโบราณก็ผลุดขึ้นมาในสมองว่า...๒ กุม ๕ ..

...ปั้นผัวเมียไม่ต้องเสียขันหมาก...

...ผมก็เลยเข้าใจถ่องแท้ว่า โคลงกลอนของโบราณนี่ช่างขลังจริงๆ ไม่เคยพลาดเป้า
...กำลังจะอ่านดวงต่อพอดีเจ้าลูกชายผมชื่อว่า " ภู " เดินผ่านมาทางที่ผมนั่งทำดวงอยู่ 
ยืนมองดวงอยู่สัก ๕ วินาทีก็ถามว่า...


" พ่อ...ดูดวงใครอยู่นะครับ " 


ผมตอบว่า " ดวงพรรคพวกกัน พ่อจะเอาไปลงเว็บ "


ภูถามขึ้นมาอีกว่า " เอ๊ะ ผมดูๆแล้วดวงนี้เรื่องเงินน่าจะมีปัญหาแน่ๆ เพราะดาว ๓ 
กฎุมภะเป็นประ [ อ่อน เปราะ ] [ เจ้าภูมีพื้นฐานโหราศาสตร์อยู่บ้าง ] ผมก็ตอบไปว่า...
 " แกจะไปดูตัวเงินเขาอย่างเดียวมันไม่พอ ก่อนอื่นแกต้องดูว่า ดาว ๕ ตนุ+กัมมะ ไปอยู่
กฎุมภะ เป็นราชาโชค อ่านว่า เจ้าชาตาเป็นคนที่แสวงหารายได้อย่างง่ายๆไม่ยุ่งยาก กุม 
ดาว ๒ เจ้าเรือนภพปุตตะ [ น่ายินดี การเกิดขึ้น ] เป็นมหาจักร [ ฉับพลัน โลดโผน ] แถม 
๒+๕ เป็นคู่ธาตุ[ หนักแน่น เลือดข้น ] แสดงว่ารายรับรายได้เข้ามารวดเร็วไม่ต้องรอนาน...
แล้วที่แกว่า ดาวเป็นประไม่ดี คือไปอยู่ราศีตุลย์ภพมรณะ...

 [ ความลับ คนแปลกหน้า เปลี่ยนหน้า ] 

แกก็ต้องตามดาว ๖ เจ้าเรือนที่ไปอยู่ราศีมิถุนภพพันธุ [ มั่นคง รากฐาน ที่ทำงาน ] 
เป็นเกษตร [ เสมอ ประจำ มาตราฐาน ] อ่านว่า...ในระยะแรกของการทำงานการเงินอาจ
จะเป็นระบบหมุนเวียน แบบแพะชนแกะ ไปก่อนก็ได้ แตเมื่อทำๆไป ต่อมาก็สามารถ
รวบรวมเงินทองได้จนมีฐานะมั่นคงเป็นปึกแผ่นได้ในที่สุด ".
..ผมหยุดพูดคว้าแก้วกาแฟเย็นมาซดเพราะเริ่มคอแห้ง...


...เจ้าภูยังไม่ละลดถามมาอีกว่า " อ้าว...ผมราศีสิงห์ ดาว ๖ กัมมะผมเป็นประไปอยู่ที่
ราศีเมษ มีดาว ๓ เป็นเกษตรอยู่ แล้วยังมีดาว ๒ มหาจักรกุมอยู่ด้วยเป็น ๒+๓+๖ 
ทำไมงานปมถึงไม่ค่อยแน่นอนละครับ พ่อ "...

ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วกล่าวว่า " ดาว ๒ แกมาจากเภพวินาสน์ลัคน์ แถมที่ราศีตุลย์
ยังมีดาวมฤตยูสถิตอยู่เล็งดาว ๒ ทำร้ายเรือนดาว ๖ กัมมะแกอยู่ทำให้ดาว ๖ ฟื้นยาก 
ก็เลยเป็นลักษณะว่า แกเป็นคนมีงานทำหลายอย่างอยู่ไปทำท่าจะดี ก็เกิดอาเพธ 
ใจร้อน ของขึ้น ลาออกไปเองซะอย่างนั้น ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? " 


...พอฟังคำผมพูดเสร็จ เจ้าภูก็พึ่งถึงบางอ้อ...ยิ้มจืดๆพร้อมกับพึมพัมเบาๆว่า ...

" ที่ีพ่อพูดมา น่าจะจริงนะครับ "

ผมก้มหน้าไปมองที่ดวงอีกแล้วพูดกับภูว่า...


" เขามีแฟนคนแรกอยู่กันมาร่วม ๑๐-๒๐ ปี มีลูกชายด้วยกัน ๔ คน เอาอะไรมาทายดี ภู "
ภูมองไปที่ดวงแล้วพูดว่า...

" ดาว ๑ [ ผู้ชาย ] เป็นปุตตะ [ บุตร } ของลัคนาโลกไปกุม ดาว ๔ เป็นเกษตร ส่วนที่
ว่าอยู่กันมานานมีดาว ๗...
[ เก่าแก่ นาน ] กุมอยู่ที่ภพปัตนิคนแรก ก็น่าจะทายได้นะพ่อ "
ผมยิ้มแล้วกล่าวว่า...


" มันด้วนไปภู เราต้องตั้งภพเป็นลัคนาของคู่คนแรก จะเห็นว่าดาว ๗ที่กุมลัคน์อยู่
มาจากภพปุตตะ [ บุตร ]...ดาว ๔ เจ้าเรือนไปอยู่ราศีมิถุนภพ กัมมะ [ ผลผลิต ] 
เป็นเกษตร [ แน่ๆ ] กุมดาว ๑ [ ผู้ชาย ] อยู่ได้คู่วิชาการ...
[ แน่ชัด  ตามสูตร ] จึงจะอ่านได้ว่า...คู่คนแรก มีบุตรอยู่ ๔ คนเป็นผู้ชายแน่ชัด
ไม่ผิดหวังตัวเองแน่ๆ "

ภูพยักหน้าเห็นด้วยกับคำอธิบายของผมผู้เป็นพ่อ...

...ส่วนผมยังไม่เลิกราที่จะสอบภูมิลูกชาย [ นานๆได้มีโอกาส ] ถามภูต่อว่า...

" แฟนคนที่ ๒ เขามีบุตรสาวอยู่ ๑ คน จะอ่านจากตรงไหนได้ ภู "

ภูยิ้มกริ่ม...เหมือนผู้รู้ แล้วรีบตอบออกมาว่า...

" คู่คนที่ ๒ ตั้งราศีพฤศจิกเป็นลัคนาของคู่คนที่ ๒ ดาว ๕ ปุตตะ [ บุตร ] ไปอยู่
กับดาว ๒ เป็นคู่ธาตุยืนยันว่ามีลูกสาวแน่นอน " ผมแย็บไปอีกว่า 

" แล้วที่ว่ามีคนเดียวเอาอะไรทายละ " 

พอมาถึงตรงนี้ภูทำหน้ามึน...พึมพัมว่า...

" จะว่ามี ๑ โยคหน้า ๒ อยู่ก็ไม่เชิง ผมชักงงแล้วพ่อ "


...ผมก็เลยเฉลยไปว่า...


" ที่แกพูดมาก็ถูกอยู่แต่ยังกำกวม...ต้องอธิบายว่า...ดาว ๕ บุตร ไปอยู่กุมกับดาว ๒ 
ผู้หญิง อยู่ที่เรือนดาว ๓ ซึ่งเป็นประ อ่อนกำลัง จึงไม่สามารถมีบุตรคนที่ ๒ ขึ้นมาได้
และดาว ๓ ยังปฏิเสธเรื่องการมีบุตรชายด้วย ดาว๓ มีความหมายถึงผู้ชาย ในเมื่อ
เป็นประคืออ่อนแอ จึงทำให้มีบุตรชายไม่ได้ ทั้งๆที่คู่คนที่ ๒ อยากมีบุตรชาย
ส่วนเจ้าชาตาอยากมีบุตรสาวเพราะว่า ดาว ๕ เป็นเจ้าเรือนภพ ตนุ [ ตัวเอง ] +กัมมะ 
[ ผลิตพันธ์ ]ไปกุมดาว ๒สตรี เป็นคู่ธาตุ [ตั้งใจ ] แสดงว่าอยากมีลูกสาวบ้าง 
มีลูกชายมามากพอแล้วตั้ง ๔ คน " [ จิตวิทยาประกอบ ] ...







...สรุปว่าผมก็ได้ทำบทความนี้เสร็จสิ้นแถมได้สอนลูกชายไปด้วยในเวลาเดียว นับว่า...

...กระสุนนัดเดียวยิงนกได้ ๒ ตัวจริงๆ... [ เป็นปลื้ม...นานๆได้สอนลูก ]

...พบกันใหม่ในบทความ+บทเรียน ต่อไปกันนะครับ...สวัสดี...