วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดวงชาตาบุคคลสำคัญที่ถูกยึดอำนาจ


                                                ...สติถิดวงชาตา ของ ท่าน อ.พลูหลวง...

...บุรุษท่านนี้เคยเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลมาก่อน...ในอดีตที่ผ่านมาทำคุณงามความดี
ต่อประเทศชาติ คือได้สร้างทางหลวงสายต่าง ๆ ทั่วประเทศหลายสาย สร้างเขื่อน อาทิเช่น...
เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์... นอกจากนี้ท่านยังได้ทำการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยทัดเทียม
กับนานาประเทศ และในปี พ.ศ.๒๕๐๘ ได้ส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเวียตนามด้วย...

...แต่ต่อมาก็ถูกพลังทางการเมืองหลายฝ่าย กดดันให้ลาออกจากตำแหน่งในที่สุด หมดพลังอำนาจ ต้องหลบลี้ หนี ภัย ไปอยู่ในต่างถิ่นต่างแดน...





                    ...ชาย เกิดวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๔ เวลาเกิด ๑๒.๒๕ น. จังหวัดตาก...

                                                                     ...ราศีตุลย์...


โยคเกณฑ์...

๑.ดาว พฤหัสบดีกุมลัคน์ นระราศี เป็นองเกณฑ์...

๒.ดาวได้โยค มีมฤตยูโยคหน้า พุธโยคหลัง และยังได้ตรีโกณอีกด้วย...

๓.เป็นดวง ดอกพิกุล คือมีดาวกุมลัคนา แล้วโยคไปตามลำดับ ไม่ขาดตอน ดาวพฤหัสบดีกุมลัคน์...
ดาวโยคไปตามลำดับคือ มฤตยู  จันทร์  อังคาร  เสาร์  ราหู  พลูโต  พุธ ...


วิจารณ์...


๑.ดาวดอกพิกุลให้คุณ ในด้าน มีพรรคพวก เพื่อนฝูงมาก มีผู้นับหน้าถือตาทั่วๆไป...

๒.ดวงนี้มีบาปเคราะห์ อังคาร  เสาร์  ราหู ๓ ดวง เล็งลัคนาอย่างเต็มที่ เป็นลางบ่งให้เห็นว่า ศัตรู
มุ่งร้ายมีพลังรุนแรง เมื่อพลาดท่าเสียทีก็จะต้องหักโค่นลงทันที ในกลุ่มดาวบาปเคราะห์ ๓ ดวงนั้น
มีดาวเสาร์ ปุตตะของดาว ศุกร์ตนุลัคน์รวมอยู่ด้วย หมายถึงอำนาจนั้นมาจากเด็กๆ...

๓.ดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวครูกุมลัคนา ในชีวิตของท่านได้เคยเป็นครูสอนวิชาแผนที่กับนักเรียนทหารอยู่หลายปี...

๔.มฤตยูเจ้าแห่งการเดินทาง โยคหน้าลัคนา ทำให้ท่านซึ่งเป็นผู้รวมอำนาจใว้เป็นเวลานาน ต้อง
เดินทางไปต่างแดน ไปประชุมหรือดูงานบ่อยๆ...


๕.ดาวอาทิตย์ลอยเหนือศรีษะกลางฟ้าขณะเกิด ท่านจึงมักจะไว้ตัว และแสดงท่าทางองอาจให้กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ อันผิดกับอุปนิสัยส่วนลึกซึ่งชอบความสงบ ด้วยดาวศุกร์ตนุลัคน์เป็นนิจ
อยู่ในภพวินาศนะ ลักษณะเช่นนี้ บ่งถึงว่าเป็นคนสองอารมณ์ หรือสองบทบาท บทบาทของดาว
อาทิตย์นั้นจะต้องเด่น ยิ่งมีดาวเนปจูนอันเป็นดาวฝูงชนกุมอาทิตย์อยู่ด้วย ทำให้ต้องอยู่ในที่แวด
ล้อมของคนหมู่มาก...ต้องออกชุมชนอยู่เสมอ บทบาทของศุกร์นิจในภพวินาศนะ ส่วนลึก...
ของจิตใจนั้นเป็นคนอ่อนแอ และชอบมุมสงบเงียบๆของชีวิต  จะว่าเป็นดวงที่ถูกเขาเชิดก็ใช่ที่ ...
ตามลักษณะดวงชาตาบ่งว่า มีความพอใจในฐานะที่ถูกเขาเชิดด้วย หรือทำจริงๆแต่ดูคล้ายถูกเขา
เชิดอยู่เบื้องหลังอย่างใดอย่างหนึ่ง...

๖.ดาวอังคารกฎุมพะ  มีเสาร์ราหู กุมอยู่เป็นข้อเสียอย่างร้ายแรง เจ้าชาตาจึงถูกอำนาจกฏหมายมาตราพิเศษที่เคยเคยเล่นงานคนอื่นๆมามาก ย้อนกลับมาเล่นงานตนเอง โดยถูกยึดทรัพย์จนหมดสิ้น...


...ต่อไปนี้เป็นบทขยายความของคำวิจารณ์...


ดาว ๕ ที่กุมลัคน์ นระราศีได้ องค์เกณฑ์...

องค์เกณฑ์นระ ได้แก่ ลัคนาที่มิถุน ลัคนาที่กันย์ ลัคนาที่ตุลย์  ธนู และลัคนาที่กุมภ์...


... มีโคลงกลอนองค์เกณฑ์ดังนี้ ...

    นระสุริยะเรื้อง                    รังสี
    โสระชีวะโดยมี                  ถูกต้อง
   สามองค์เทพโสภี              กุมลัคน์
   ดวงชาตาใดพรั่งพร้อม      ยศนั้นนาพัน

...กฎขององค์เกณฑ์นระคือ...ถ้ามีดาว ๑ ดาว ๗ และดาว ๕ ทั้ง ๓ ดวงที่กล่าวมากุมลัคน์ จะได้...
ยศถาบรรดาศักดิ์ เทียบเท่ากับนาพันไร่...ถ้าเป็นในสมัยปัจจุบันก็ต้องตีความกันว่า บุคคลใดที่ได้องค์เกณฑ์นี้ จะสามารถสร้างชื่อเสียงและทรัพย์สมบัติได้ด้วยสติปัญญา และความสามารถของตนเอง...


ดาวโยคก็คือ...ดูจากลัคนามองไปข้างหน้า ๒ ราศีมีดาว ๐ อยู่เรียกว่า "ดาว มฤตยูโยคหน้า "แล้วหันไปมองข้างหลังมีดาว ๔ อยู่เรียกว่า "ดาวพุธโยคหลัง"...
...เท่ากับว่า ลัคนามีดาวโยคหน้าที่ราศีธนูเรือนสหัชชะ [ญาติ พี่ีน้อง เพื่อน] และโยคหลังที่ราศีสิงห์
เรือนลาภะ [โชคลาภ ] ...


โยคแปลว่า...ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ให้ความร่วมมือ สนับสนุน...
...ตรี[สาม ] โกณ [มุม]...ตรีโกณแปลว่า ๓ มุม ตามภาษาเลขาคณิต คือ มีดาวอยู่ทั้ง ๓ มุม...
...ดูที่ลัคนามีดาว ๕  ๙ ...ดูที่ราศี ธนู [ธาตุไฟ ปลายธาตุ] มีดาว ๐ ดูที่ ราศีเมษ [ธาตุไฟ แม่ธาตุ]มีดาว ๓ ๗ ๘ ...ดูที่ราศีสิงห์ [ธาตุไฟ กลางธาตุ] มีดาว ๔ อย่างนี้เรียกว่าดาวทำมุมตรีโกณ [เกื้อกูล] ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน...หรือเรียกว่า...ร่วมธาตุเดียวกัน พวกเดียว เป็นญาติกันฯลฯ


...ดาวดอกพิกุล...หมายถึง ดาวที่โยค [ช่วยเหลือ] กันรอบดวงชาตา [ราศีจักร] ดังนี้คือ...
...เริ่มจากลัคนา มีดาว ๕ ๙ โยคหลังไปที่ ดาว ๐ และดาว ๐ โยคหลังไปที่ ดาว ๒ ส่วนดาว ๒ นั้น
ก็โยคหลังไปที่ดาว ๓ ...จากดาว ๓ โยคหลังดาว พลูโต ส่วนดาวพลูโตก็โยคหลังไปที่ดาว ๔ ส่วน
ดาว๔ ก็โยคหลังไปที่ดาว ๕ และเกตุ ครบรอบราศีจักร...


...ส่วนข้อ ๒...ที่ว่ามีดาวเสาร์ ปุตตะของดาว ศุกร์ตนุลัคน์รวมอยู่ด้วย หมายถึงอำนาจนั้นมาจากเด็กๆ
ก็ให้ดูที่ดาว ๖ ตนุลัคน์ [ เจ้าชาตา ]ไปอยู่ราศีกันย์เป็นวินาศนะลัคน์...
ให้้ตั้งลัคนาขึ้นมาใหม่ที่ราศีกันย์นั่นแหละ...นับไปที่ราศีมังกร เรือนปุตตะ [คนอ่อนวัย เด็ก ] ดังนั้น
ดาว ๗ จึงเป็นปุตตะของดาว ๖ ตนุลัคน์ [เจ้าชาตา]...
ดาว ๗ไปอยู่ราศีเมษเรือนมรณะ [เดือดร้อน วุ่นวาย] และดาว ๓ เจ้าเรือนมรณะก็เป็นเกษตร
อ่านว่า ๖ ตนุลัตน์+๗ ปุตตะ+๓มรณะ เป็นเกษตร์ไม่ไปไหน...
แปลว่า...เจ้าชาตาจะต้องเดือดร้อนอย่างสาหัสจากกลุ่มเด็กเยาวชน ที่รวมตัวกันขึ้นมาขับไล่ตนเอง
ออกจากตำแหน่งในรัฐบาล...ที่ว่ากลุ่มเพราะ ๗  [เด็ก ] กุม ๘  [การรวมตัว] ที่เรือนมรณะ [จากไป ]
...เรือนปุตตะ นอกจะแปลว่าเด็ก แล้วก็แปลว่า บุตร ด้วย ดังนั้นบุตรจึงทำร้ายตัวเจ้าชาตาด้วย...


ดาว ๕ มีความหมายถึงครูบาอาจารย์ ...ให้ดูไปที่ราศีสิงห์เรือนลาภะ [ลาภผล] โยคหลังช่วยเหลือ
อยู่...ดาว ๔ มี ๒ ตำแหน่งคือ เป็นมหาจักร [ ผู้เชี่ยวชาญ] และราชาโชค [เจราจามีศิลปะ ] ...
ดาว ๔+๕ เป็นคู่แห่งสติปัญญา...จึึงทำให้เป็นครูบาอาจารย์ ...ดาว ๕ เล็งไปที่ราศีเมษ...
เจอดาว ๓+๗+๘ [ ตำรวจ+ทหาร ]
...ท่านจึงได้เคยเป็นครูสอนวิชาแผนที่กับนักเรียนทหาร อยู่หลายปี...

ดูที่ดาว ๐ [เดินทาง]มีดาว ๒ เจ้าเรือนกัมมะ [งาน] โยคหน้าอยู่...แล้วดาว ๒ ก็ไปโยคหลังดาว ๓ ...
เจ้าเรือนปัตนิ [ บ่อยๆ] ดาว ๓ กุมดาว ๗ เจ้าเรือนพันธุ [หน้าที่] และราหูเจ้าเรือนปุตตะ [มีการเกิดขึ้น]
...แปลได้ว่า...เจ้าชาตามีหน้าที่การงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศอยู่เป็นประจำ บ่อยๆ ...






... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...


...อันที่จริงสามารถทำนายดวงดาวได้อีกในหลายมุมมอง ฯลฯ มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก
...วันนี้คิดว่าคงต้องยุติลงก่อน พบกันอีกในบทเรียน สถิติโหร ในบทความตอนต่อไปนะครับ สวัสดี...


... เขียนโดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...

1 ความคิดเห็น:

  1. ...การดูดวงชาตาสามารถบอกเราได้ว่า...ชีวิตจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ...
    ได้...จาก...ดวงดาว...ซึ่งมีอิทธิพลเป็นอย่างมากกับชีวิตมนุษย์
    ชีวิตคนเราในโลกใบนี้มันสั้นนัก การเวียนว่ายตายเกิด...
    เป็นสัจจธรรม การเกิด แก่เจ็บและตาย ไม่มีผู้ใดหลีกพ้นได้...
    เพราะฉะนั้นสิ่งทุกคนควรที่จะทำก็คือ กรรมดี ซึ่งจะติดตามเราไปทุกภพ ทุกชาติเป็นสมบัติที่จะดิดตามตัวเราไป เราควรจะใช้เวลาที่อยู่ในโลกใบนี้ด้วยการทำตนให้เกิดเป็นประโยชน์ต่อสังคม ลด โลภ โกรธ หลง ให้เบาบางลงไป ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล ก็จะทำให้เรารู้สึกชีวิตมีค่า...กับการที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้...

    ตอบลบ