วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดาวพฤหัสบดีในตำแหน่งต่างๆ



                                                             พระพุทธองค์




                                                   ...  ดาว ๕ ในตำแหน่งต่างๆ ...


...ดาว ๕ สถิตอยู่ที่ราศีเมษมีตำแหน่งเป็นราชาโชค...
...หมายถึง เป็นผู้มีวาสนา มีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน มีโอกาสดีๆในชีวิตสูง ประสบความสำเร็จ
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีเมษซึ่งเป็นเรือนเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๓ = ดาว ๕+ดาว ๓ ได้คู่สมพล...
...หมายถึง มีพลังงานของชีวิตและมี กิจกรรมที่ประสบความสำเร็จ...
...ดาว ๓ หมายถึง กิจกรรม การกระทำ ความกระตือรือล้น 
...ดาว ๕ หมายถึง ความก้าวหน้าในชีวิต ความรุ่งเรืองในอนาคต
...รวมกันแปลได้ว่า...
...ชีวิตที่รุ่งเรืองและประสบกับความสำเร็จที่ก้าวหน้าได้ในอนาคต 


...ถ้านับจากราศีธนู ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [ เจ้าของ ] ...
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ ที่อยู่ราศีเมษก็จะเป็นภพปุตตะ [ ความน่ายินดี การเอาใจใส่ สิ่งที่น่าเบิกบาน ]
...นับได้ว่าดาว ๕ ตำแหน่งราชาโชคนี้ดีเด่นขึ้นไปอีกจุดหนึ่ง...

...ถ้านับจากราศีมีน ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [ เจ้าของ ] ...
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ ที่อยู่ที่ราศีเมษ ก็จะเป็นภพกฎุมภะ [ ทรัพย์  การเจรจา  การได้มา ]
...จึงจัดได้ว่า ดาว ๕ ในตำแหน่งราชาโชคนี้ดีขึ้นมาอีกจุดหนึ่ง...
...แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ราศีมีนเป็นภพวินาสน์ [ไม่คาดฝัน  ล้มเหลว  ซ่อนเร้น ] ของลัคนาโลกอีกด้วย..
...ดังนั้นก็ถือได้ว่ายังมีส่วนเสียหายอยู่ด้วยอีก ๑ จุด...
...และถ้าจะให้ดีเลิศ  ก็ต้องไม่เป็นภพ อริ  มรณะ  วินาสน์ ในพื้นดวงชาตาของทั้ง ๑๒ ราศี ในทุกคน...
...จึงจะสมบูรณ์และ สมจริงตามตำแหน่งราชาโขค...



...ดาว ๕ สถิตอยู่ที่ราศีพฤษภมีตำแหน่งเป็นจุลจักร...
...ตำแหน่งจุลจักรหมายถึง...เชื่องช้า  อืดอาด ไม่มีเสน่ห์  อ่อนน้อมถ่อมตน 
...ดาว ๕ อยุ่ที่ราศีพฤษภซึ่งเป็นเรือนเกษตร [จ้าของ ] ของดาว ๖ = ดาว ๕+ดาว ๖ ได้คู่ช่วยเหลือ
...หมายถึง มีความสำเร็จในเรื่องการแสวงหาทรัพย์...
...แปลจากความหมายของจุลจักร ได้ว่า การนอบน้อมถ่อมตนทำให้ผู้คนรักและมีคนช่วยเหลือ
...ดาว ๕ [ ผล ] ความสามารถ   อนาคตข้างหน้า  ความสำเร็จ
...ดาว ๖  ทรัพย์สมบัติ  การได้มา  การแสวงหา 
...รวมกันแปลได้ว่า ผู้ที่จะอุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองในกาลข้างหน้า 


...ถ้านับจากราศีมีน ทีมีดาว ๕ เป็นเกษตร [ เจ้าของ ] ...
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ ที่อยู่ราศีพฤษภก็จะเป็นภพสหัชชะ [ การติดต่อ สังคม  พี่น้อง ]
...นับได้ว่าดาว ๕+ดาว ๖ นี้ดีเด่นในเรื่อง จะมีคนรักใคร่ห่วงใย และเอาใจใส่เป็นอย่างดี
...และที่ราศีพฤษภยังเป็นภพ กฎุมภะ [ ทรัพย์ เจรจา ] ของลัคนาโลก...
...เมื่อรวมความหมายต่างๆเข้าด้วยกัน ก็จัดว่าตำแหน่งดาว ๕ อยู่ที่ราศีพฤษภนี้ ก็ยังให้คุณอยู่มาก
...และต้องไม่ลืมว่า ต้องไม่เป็น ภพอริ  ภพมรณะและภพ วินาสน์ด้วย...จึงจะให้คุณจริง...


...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีมิถุนมีตำแหน่งเป็นประ และ อุจจาวิลาศ
...ตำแหน่งประหมายถึง...ไม่เข้มแข็ง  มีอุปสรรค  อ่อนแอ  ของคนอื่น  ความผิดหวัง
...ตาแหน่งอุจจาวิลาศหมายถึง...เน้นไปในทางมีพลังที่เข้มแข็ง เช่นเป็นพันเอกพิเศษอยู่กำลังจะเขยิบ
...ตำแหน่งก้าวขึ้นไปสู่การเป็นนายพล ให้คุณในด้านบุญวาสนา
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีมิถุนซึ่งเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๔ = ดาว ๕+ดาว ๔ ได้คู่ปัญญา
...หมายถึง มีความสำเร็จในเรื่อง สมอง ปัญญา ความสามารถ
...แปลออกมาได้ว่า ถึงแม้ตัวเองจะไร้อิทธิพล แต่ก็สามารถใช้ปัญญาเอาตัวรอดได้


...ถ้านับที่ราศีมีน ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ] ...
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ สถิตอยู่ที่ราศีมิถุนก็จะเป็นภพพันธุ [ ความมั่นคง  ปึกแผ่น  ตำแหน่ง ]
...นับได้ว่าดาว ๕+ดาว ๔ นี้ก็จะดีเด่นในเรื่องการไต่เต้าสู่จุดที่สูงสุดได้จากปัญญาของตนเอง
...และที่ราศีมิถุนยังเป็นภพ สหัชชะ [การใช้ปัญญา พรรคพวก การวิ่งเต้น ] ของลัคนาโลก...
...รวมความหมายต่างๆเข้ามาประสมกันก็ตอบว่า เป็นตำแหน่งที่ดีเช่นกัน
...สุดท้ายก็ต้องไม่เป็นภพอริ  มรณะ และวินาสน์ ด้วย ถึงจะให้คุณได้เต็มที่...


...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีกรกฏมีตำแหน่งเป็นอุจจ์
...ตำแหน่งอุจจ์หมายถึง...มีพลัง อำนาจ วาสนา ให้คุณให้โทษรุนแรงและรวดเร็ว
...ทำให้เป็นผู้มีพลังและอำนาจมีปัญญาลึกล้ำ มองการณ์ไกล มีโชคลาภอยู่เนืองนิตย์
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีกรกฏซึ่งเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๒ =ดาว ๕+ดาว ๒ ได้คู่ธาตุ คู่ครอบครัว
...หมายถึง เป็นคนรักเผ่าพันธุ์  พวกพ้อง  รักบ้าน  รักสัตว์  รักที่จะมีความอบอุ่นในครอบครัว
...แปลได้ว่า เป็นคนที่คิดสร้างครอบครัว ฐานะ ความเป็นอยู่ ไม่ให้น้อยหน้าหรือด้อยกว่าผู้อื่นเด็ดขาด

...ถ้านับที่ราศีมีน ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ] ...
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ ที่สถิตอยู่ที่ราศีกรกฏก็จะเป็นภพ ปุตตะ [น่ายินดี  การเกิดใหม่ ความพอใจ ]
...นับได้ว่า ดาว ๕+ดาว ๒ จะดีเด่นในเรื่องการสร้างฐานะให้ตัวเองและเพื่อครอบครัว
...และที่ราศีกรกฏยังเป็นภพพันธุ [ ความมั่นคง ปึกแผ่น ] ของลัคนาโลก...
...รวมความหมายเข้ามาแล้ว ก็เป็นตำแหน่งที่ดีเลิศมากในดวงชาตาของทุกคน
...แต่ในที่นี้ก็ต้องไม่เป็นภพ อริ  มรณะ  วินาสน์ อีกด้วย...ถึงจะให้คุณได้แรงถึงที่สุด...


...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีสิงห์มีตำแหน่งเป็นอุจจาภิมุข
...ตำแหน่งอุจจาภิมุขหมายถึง...พลังอำนาจที่ลดถอยลง การให้คุณจึงเป็นในลักษณะ "ทุกข์ลาภ"
...เปรียบดั่งดุจ นายพลซึ่งครบเกษียณไปแล้ว แต่ก็ยังมีอำนาจ วาสนาแต่ผู้คนยังเคารพและให้ความเกรงใจอยู่...ซึ่งจะด้อยกว่าตำแหน่งอุจจ์อยู่เล็กน้อย...
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีสิงห์ซึ่งเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๑ = ดาว ๕+ดาว ๑ ได้คู่มิตร
...หมายถึง ความช่วยเหลือ  การร่วมมือ  วัยแห่งความสงบสุข
...แปลได้ว่า เป็นคนที่มีความสามารถสูง ทำตัวน่านับถือถึงแม้จะออกจากวงการไปแล้ว ...
...แต่พวกพ้องก็ยังต้อง...คอยช่วยเหลือ ดูแลเป็นอย่างดีไปโดยตลอด

...ถ้านับที่ราศีมีน ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ] ...
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ ที่สถิตอยู่ราศีสิงห์ก็จะเป็นภพอริ [ ปัญหา  อุปสรรค  ขัดข้อง ]
...นับได้ว่า ดาว ๕+ ดาว ๑ จะดีเด่นในเรื่องที่มีมิตรสหายคอยดูแลและเอาใจใส่อยู่เสมอ
...และที่ราศีสิงห์ยังเป็นภพ ปุตตะ [น่ายินดี บุตรหลาน บริวาร ] ของลัคนาโลก...
...รวมความแล้วแปลได้ว่า เป็นตำแหน่งที่ดี ไม่ตกอับ ลำบาก มีความสามารถสูงเยี่ยม
...แต่ก็ต้องไม่เป็นภพ อริ  มรณะ  วินาสน์ เหมือนเข่นเดิม ถึงจะให้คุณได้จริง...


...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีกันย์มีตำแหน่งเป็นประ
...ตำแหน่งประหมายถึง...ไม่เข้มแข็ง  มีอุปสรรค  อ่อนแอ  ของคนอื่น  ความผิดหวัง
...ยังมีความหมายอื่นอีกเช่น มักจะเกรงใจผู้อื่น  ทำงานเพื่อคนส่วนรวม  ขยันขันแข็ง
...ตัวอย่างเช่น คนที่คอยดูแลเอาอกเอาใจคนรัก ชอบช่วยเหลือผู้อื่นหรือทำงานเป็นประโยน์ต่อส่วนรวม
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีกันย์ซึ่งเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๔ = ดาว ๕+ดาว ๔ ได้คู่มันสมอง
...หมายถึง ความรู้ความสามารถที่มีการพัฒนา   ความก้าวหน้าทางสมอง  วิวัฒนาการแผนใหม่
...แปลว่า เป็นบุคคลที่ทุ่มเทแรงกาย + แรงใจ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

...ถ้านับไปที่ราศีมีน ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ]
...ตั้งเป็นลัคนา ดาว ๕ ที่ราศีกันย์ก็จะเป็นภพปัตนิ [แบ่งปัน คนอื่น ส่วนรวม การทำงานร่วม ]
...นับได้ว่า ดาว ๕ + ดาว ๔ จะดีเด่นในเรื่องการทุ่มเทแรงงานต่อปวงชนทั้งหลาย
...และที่ราศีกันย์ยังเป็นภพอริ [แข็งขัน ขยัน บากบั่น ] ของลัคนาโลก...
...สรุปแปลได้ว่า เป็นผู้ที่ทำงานอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม
...และก็ต้องไม่เป็นภพ อริ มรณะ วินาสน์ จึงจะให้คุณได้จริงตามตำแหน่งของดาว...

...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีตุลย์มีตำแหน่งเป็นเทวีโชค
...ตำแหน่งเทวีโชคหมายถึง...มีเสน่ห์ในการดึงดูด เป็นที่นิยมแต่จะด้อยกว่าดวงราชาโชคอยู่เล็กน้อย
...ยังมีความหมายอื่นอีกว่า...ได้ดีเพราะคู่  มีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน มีความอ่อนหวาน
...ตัวอย่างเช่น คนที่ด้อยตระกูล หรือตกต่ำ กลับได้แต่งงานกับคู่ผู้สูงศักดิ์ อย่างเหลือเชื่อ
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีตุลย์ซึ่งเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๖ = ดาว ๕ + ดาว ๖ ได้คู่เกื้อกูล
...หมายถึง คนรักผู้สูงศักดิ์  อนาคตที่สดใส  การส่งเสริมจากคู่ครอง
...แปลว่า เป็นคนที่ี...แม้ชาติกำเนิดจะต่ำต้อยแต่ก็จะได้คู่ที่มีฐานะสูงส่ง


...ถ้านับไปที่ราศีธนู ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ]
...ตั้งให้เป็นลัคนา ดาว ๕ ที่ราศีตุลย์ ก็จะเป็นภพลาภะ [ โชค ลาภผล ความหวัง ]
...นับได้ว่า ดาว ๕ + ดาว ๖ จะดีเด่นเรื่อง คู่ครอง ๕+๑=๙ [เทวดา ] เทพอุ้มสม...
...และที่ราศีตุลย์ยังเป็นภพ ปัตนิ [ คู่ครอง ] ของลัคนาโลก
...แปลว่า จะได้ดีเพราะมีคู่อุปถัมภ์ค้ำจุนช่วยเหลือ
...และก็ต้องไม่เป็นภพ อริ มรณะ วินาสน์ กับลัคนา ถึงจะให้คุณอย่างแท้จริง
...ตำแหน่งเทวีโชค ถ้ากุมลัคน์ในทุกราศีถือว่า "สุดยอด "...

...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีพฤศจิกมีตำแหน่งเป็นมหาจักร
...ตำแหน่งมหาจักรหมายถึง...มีอิทธิพลไปในทางผาดโผน พลิกแพลง พิสดาร ไม่เหมือนใคร
...ยังมีความหมายอีกว่า...โลดโผน ฟันฝ่าอุปสรรค  มีเล่ห์เหลี่ยมและไหวพริบดีมาก
...ตัวอย่างเช่น คนที่ทำท่าจะล้ม กลับลุกขึ้นมาใหม่ได้อย่างผิดคาด  ไม่คาดฝัน
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีพฤศจิกซึ่งเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๓ = ดาว ๕ + ดาว ๓ ได้คู่สมพล
...หมายถึง ความสำเร็จที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคิดว่าจะทำได้
...แปลว่า เป็นนักสู้ที่สามารถทำในสิ่งที่คนอืนทำไม่ค่อยจะได้ กลับทำได้อย่างนอกเหนือกฏเกณฑ์

...ถ้านับไปที่ราศีธนู ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ]
...ตั้งให้เป็นลัคนา ดาว ๕ ที่ราศีพฤศจิก ก็จะเป็นภพวินาสน์ [ไม่คาดฝัน ]
...นับได้ว่า ดาว ๕ + ดาว ๓ จะดีเด่นเรื่องเรื่องไม่คาดคิด พลิกล๊อค  เหลือเชื่อ
...และราศีพฤศจิกยังเป็นภพ มรณะ [ การเปลี่ยนแปลง  ดับศูนย์ เกิดใหม่ ] ของลัคนาโลก
...แปลว่า เรื่องเหลือเชื่อ ไม่คิดไม่ฝัน ไม่คาดว่าจะเป็นไปได้  เรื่องเหลือเชื่อ
...และก็ต้องไม่เป็นภพ อริ มรณะ วินาสน์ อีกเช่นเดิมในทุกราศี...

...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีธนูมีตำแหน่งเกษตร
...ตำแหน่งเกษตรหมายถึง...เจ้าของบ้าน ความมีฐานะ ความมั่นคง ความมาตราฐาน  ความสมบูรณ์
...ยังมีความหมายอีกว่า..ดวงชาตาที่วาสนาสูง มีความสุขสบาย มีหลักประกันที่มั่นคงถาวร
...ตัวอย่างเช่น บุคคลที่มีความปึกแผ่นในฐานะ  เสถียรภาพการเงินที่มั่นคง  มรดกจำนวนมหาศาล
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีธนู เป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๕ = ดาว ๕ + ดาว ๕ ได้คู่เกษตรความมั่นคง
...หมายถึง...ความมั่นคงที่เกิดขึ้นมาอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง  
...แปลว่า บุคคลที่มีความสำเร็จ มีสติปัญญาถ่องแท้ในวัฏสงสาร เป็นผู้ที่มีคุณธรรมและคงแ่ก่เรียน

...ถ้านับไปที่ราศีธนู ที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ]
...ตั้งให้เป็นลัคนา ดาว ๕ ที่ราศีธนูก็จะเป็นภพตนุ [เจ้าชาตา ]
...นับได้ว่า ดาว ๕ + ดาว ๕ จะดีเด่นในเรื่องตัวเองสามารถสร้างฐานะได้ด้วยตนเอง
...และราศีธนูยังเป็นภพ ศุภะ [ความก้าวหน้า ความสำเร็จ  อนาคต ] ของลัคนาโลก
...แปลว่า ในอนาคตเจ้าชาตาจะมีความสำเร็จเกิดขึ้นได้จากตนเองอย่างแน่นอน [เกษตร ]
...ซึ่งต้องไม่เป็นภพ อริ  มรณะ  วินาสน์ อีกเหมือนเดิม...

...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีมังกรมีตำแหน่งนิจ
...ตำแหน่งนิจหมายถึง...ต่ำต้อย  น้อยนิด  อ่อนแอ  ทรุดโทรม  อ่อนล้า อิดโรย
...ยังมีความหมายอีกว่า ...เบื้องล่าง หรือต่ำสุด ถ้าเป็นความหมายเกี่ยวกับจิตใจก็คือ จิตใจต่ำช้า
...ตัวอย่างเช่น เจ้าชาตาจะทำสิ่งใดต้องทำจากเล็กๆไปหาใหญ่ๆ และต้องอดทนเฝ้ารอดูสี่งนั้นๆ
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีมังกรเป็น เกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๗ = ดาว ๗ + ๕ ได้คู่ยืดเยื้อ 
...หมายถึง...ความพยายามที่จะต้องทำกันในแบบต่อเนื่องยาวนานด้วยความอุตสาหะพากเพียร
...แปลว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยความพากเพียรและพยายามอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

...ถ้านับไปที่ราศีธนูที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ] ...
...ตั้งให้เป็นลัคนา ดาว ๕ ที่อยู่ที่ราศีมังกรก็จะเป็นภพ กฎุมภะ [ การเงิน รายได้  การได้มา ]
...นับได้ว่า ดาว ๕ + ดาว ๗จะดีเด่นในเรื่องมีความเพียรในการสร้างฐานะของตนเอง
...และราศีมังกรยังเป็นภพ กัมมะ [ งาน ภาระ หน้าที่ ] ของลัคนาโลก
...แปลว่า เจ้าชาตามีภาระกิจที่จะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวให้สำเร็จ อย่างอดทนและมีความพากเพียร
...และต้องไม่เป็นภพ อริ  มรณะ  วินาสน์ ต่อลัคนาของแต่ละราศีนั้นๆ...


...ราศีกุมภ์ไม่มี ดาว ๕ มีตำแหน่งอันใด...อาจจะเพราะโหราศาสตร์ถือว่าราหูก็คือ...
...โลกเรานั่นเอง...กระมัง...จึงไม่ได้บรรจุตำแหน่งของดาว ๕ ที่ราศีกุมภ์ ?...

...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีมีนมีตำแหน่งเกษตร [เจ้าของ ]
...ตำแหน่งเกษตรหมายถึง...ความอุดมสมบูรณ์  ความเข้มแข็ง  หลักฐาน บ้านช่อง
...ยังมีความหมายอีกว่า...ความศรัทธาในพุทธศาสนา  สิ่งที่มองไม่เห็น  จิตวิญญาณ
...ตัวอย่างเช่น เจ้าชาตามีความเชื่อในเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เชื่อในพระพุทธเจ้ายึดมั่นอย่างแน่นแฟ้น
...ดาว ๕ อยู่ที่ราศีมีนเป็นเกษตร [เจ้าของ ] ของดาว ๕ = ดาว ๕ + ดาว ๕ คู่เกษตร หนักแน่น
...หมายถึง...ความเขื่อมั่นในพระพุทธองค์โดยไม่มี วิจิกิจฉา [ ความสงสัยในธรรม ๘ ประการ ]
...แปลว่า บุคคลที่มีเชื่อถือใน กฏที่ว่า...เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย...

...ถ้านับไปที่ราศีธนูที่มีดาว ๕ เป็นเกษตร [เจ้าของ ] ...
...ตั้งให้เป็นลัคนา ดาว ๕ ที่อยู่ีที่มีนก็จะเป็นภพ พันธุ [ ความมั่นคง  ความศรัทธา  การยึดมั่น ]
...นับได้ว่า ดาว ๕ + ดาว ๕ จะดีเด่นในเรื่อง ความศรัทธาในศาสนา  สัญญาลักษณ์แห่งความดีงาม
...และราศีมีนยังเป็นภพ วินาสน์ [ สิ่งเร้นลับ มองไม่เห็นด้วยตา จิตวิญญาณ ]
...แปลว่า...บุคคลที่มีความเชื่อถือในพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่นและไม่ลังเลสงสัยใน...
...พระธรรมคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า...




... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...


...ขยายความ...เมื่อกล่าวถึง  การเกิด  การแก่  การเจ็บ  การตาย...หมายถึุงความเป็นไปของสัตว์โลก
...ซึ่งเป็นที่ประชุมกันของรูปนามขันธ์ห้า [ จิต  เจตสิก  รูป ] ขันธ์ห้าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เป็นผลที่
...สืบเนื่องมาจากชาติปางก่อน เพราะชาติก่อนมีเหตุ คือกรรม จึงเป็นปัจจัยทำให้มีการเกิด [ ปฏิสนธิ ]
...เมื่อมีความเกิดจึงมี  ความแก่ ความเจ็บ และความตาย เพราะชาติปัจจุบันนี้กระทำเหตุให้เกิดภพใหม่
...ต่อไปจึงมีการเกิด แก่ เจ็บ และตาย ในภพต่อไปอีกสืบเนื่องกันอย่างนี้ เพราะมีขันธ์ห้าสืบเนื่องกันเป็น
...ไปจึงเรียกว่า สังสารวัฏฏ์  ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาจนบรรลุความเป็นอรหันต์ ชื่อว่าดับเหตุของการ...
...เกิดขึ้นในภพใหม่ เรียกว่า...ผู้สิ้นวัฏฏะทุกข์  สิ้นชาติ สิ้นกรรม สิ้นวิบาก...

...ผู้ที่ต้องการเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ ให้พยายามลองอ่านทบทวนดูให้เกิดความเข้าใจ...
...พบกันใหม่ในบทความตอนต่อไปนะ...ครับ...สวัสดี...


... เขียนโดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...














วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทักษาวัยระบบ อ.พลูหลวง


           ...แรกเริ่มเดิมทีตอนที่ผมศึกษาเรื่องดาวพระเคราะห์เสวยอายุของท่าน อ.พลูหลวง...
...ในตอนนั้น ...
...[ พ.ศ.๒๕๓๘ ] ผมเห็นว่าถ้าตอนเวลาดูดวงชาตาคน ถ้าเราต้องดูจากตารางวัย จะรู้สึกว่ายุ่งยาก
มาก...ผมนั่งมองตารางวัยไปเพลินๆ ชั่วภายใน ๑ - ๒ วินาทีในสมองผมก็แว๊บมาว่า ตรงจุดข้อต่อ
ระหว่างวัยดาว ๖ [ราศีตุลย์ ] จะไปวัยดาว ๓ [ราศีพฤศจิก ] มีข้อต่อในวัย ดาว ๒ และราหู [โลก ]...
ถ้าเวลาคนมาดูดวงเรามองจากดวงชาตาของผู้มาดู และนับวัยไปพร้อมกัน จะเร็วกว่าดูตาราง
แน่นอนก็เลยเช็คว่า..อยู่ในวัยดาวอะไร และดาวอะไรเสวย จากวิธีนี้ปรากฏว่า work และรวดเร็วกว่า
...ซึ่งรายละเอียดมีอยู่ที่บทความ...วิธีนับวัยระบบ อ.พลูหลวง...ซึ่งได้ลงไปแล้ว...


...ในเวลาต่อมา...ขณะที่กำลังอ่านหนังสือท่าน อ.พลูหลวงอยู่ ในสมองก็แว๊บมาเหมือนเดิม
ในเวลา ๑ - ๒ วินาที ว่า ในเมื่อนับวัยจากการดูที่ดวงชาตาได้แล้ว ถ้านับเป็นในแบบระบบทักษา
ก็น่าจะทำได้...
...พอคิดได้ ผมก็รีบหยิบปากกาและกระดาษมาในทันที ลองเขียนเป็นแบบ ๘ ตัวเหมือนทักษา
ทั่วๆไปปรากฏว่าไม่ลงตัว ก็ลองเขียนเพิ่มดาวเนปจูนกับดาวพลูโต รวมเป็น ๑๐ ดวง...
...เบ็ดเสร็จเรียบร้อยลงตัวพอดี...

.
                            ...ผมก็เลยเผยแพร่ปรากฏมาเป็นภาพดังที่จะเห็น ดังต่อไปนี้...



                            ...วิธีนับอายุ ดาวพระเคราะห์เสวยและดาวพระเคราะห์แทรก...


๑.ดาวอาทิตย์จะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๑ ปีไปจนถึง อายุ ๑๐ ปี
๒.ดาวพุธจะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๑๑ ปี ไปถึงอายุ ๒๐ ปี
๓.ดาวศุกร์จะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๒๑ ปีไปจนถึงอายุ ๓๐ ปี
๔.ดาวจันทร์จะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๓๑ ปีจนถึงอายุ ๔๐ ปี
๕.ดาวอังคารจะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๔๑ ไปถึงอายุ ๕๐ ปี
๖.ดาวพฤหัสบดีจะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๕๑ ไปถึงอายุ  ๖๐ ปี
๗.ดาวเสาร์จะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๖๑ ปี ไปถึงอายุ ๗๐ ปี
๘.ดาวมฤตยูจะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๗๑ ถึงอายุ ๘๐ ปี
๙.ดาวเนปจูนจะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๘๑ ปีไปจนถึงอายุ ๙๐ ปี
๑๐.ดาวพลูโตจะเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๙๑ จนถึงอายุ ๑๐๐ ปี


...วิธีนับอายุดาวพระเคราะห์เสวย...

...ตัวอย่างที่ ๑...
...อายุ ๓๕ ปี...ให้เริ่มนับที่เลข ๑ เป็น ๑๐ ปี นับต่อไปที่เลข ๔ เป็นอายุ ๒๐ ปี นับต่อไปที่เลข ๖ เป็น
อายุ ๓๐ ปี...ถ้านับต่อไปที่เลข ๒ ก็จะเป็นอายุ ๔๐ ปี...จะเกินอายุ...เราก็นับหยุดที่เลข ๖ คือ ๓๐ ปี...
และนับต่อไปที่เลข ๒ เป็นอายุ ๓๑ ปี นับต่อไปที่เลข ๓ เป็นอายุ ๓๒ ปี นับต่อไปที่เลข ๕ เป็นอายุ...
๓๓ ปี นับต่อไปที่เลข ๗ เป็นอายุ ๓๔ ปี นับต่อไปที่เลข ๐ เป็นอายุ ๓๕ ปี ครบอายุที่ต้องการ...
...สรุปว่า...อายุ ๓๕ ปี อยู่ในวัยดาวดาว ๒ เสวย และมีดาวมฤตยูแทรก...

...ตัวอย่างที่ ๒...

...อายุ ๒๙ ปี...ให้เริ่มนับที่เลข ๑ เป็น ๑๐ ปี นับต่อไปที่เลข ๔ เป็นอายุ ๒๐ ปี นับต่อไปที่่เลข ๖ จะเกิน
อายุ...ให้หยุดนับอยู่ที่เลข ๔ เป็นอายุ ๒๐ ปี และนับต่อไปที่เลข ๖ เป็น ๒๑ ปี นับต่อไปที่เลข ๒ เป็น...
อายุ ๒๒ ปี นับต่อไปที่เลข ๓ เป็นอายุ ๒๓ ปี นับต่อไปที่เลข ๕ เป็นอายุ ๒๔ ปี นับต่อไปที่ เลข ๗ เป็น
อายุ ๒๕ ปี นับต่อไปที่เลข ๐ เป็นอายุ ๒๖ ปี นับต่อไปที่ตัว น.เป็นอายุ ๒๗ ปี นับต่อไปที่ตัว พ.เป็นอายุ
๒๘ ปี นับต่อไปที่เลข ๑ เป็นอายุ ๒๙ ปี...ครบอายุที่ต้องการ...
...สรุปว่า...อายุ ๒๙ ปี อยู่ในวัยดาว ๖ เสวย และมีดาว ๑ แทรก...

...ตัวอย่างที่ ๓...
...อายุ ๔๕ ปี...ให้เริ่มนับที่เลข ๑ เป็น ๑๐ ปี นับต่อไปที่เลข ๔ เป็น ๒๐ ปี นับต่อไปที่เลข ๖ เป็น ๓๐ ปี
นับต่อไปที่เลข ๒ เป็น๔๐ ปี นับต่อไปที่เลข ๓ จะเกินอายุเป็น ๕๐ ปีให้หยุดที่เลข ๒ เป็น ๔๐ ปี แล้วนับ
ต่อที่เลข ๓ เป็น ๔๑ ปี นับต่อไปที่เลข ๕ เป็น ๔๒ ปี นับต่อไปที่เลข ๗ เป็น ๔๓ ปี นับต่อไปที่เลข ๐ เป็น
๔๔ ปี นับต่อไปที่ตัว น.เป็น ๔๕ ปี...ครบอายุที่ต้องการ...
...สรุปว่า...อายุ ๔๕ ปี อยู่ในวัยดาว ๓ มีดาว เนปจูนแทรก...
...ลองพยายามไปทำดูด้วยตัวเองหลายๆครั้ง...ก็จะเกิดทักษะขึ้นมา และสามารถดูได้อย่างรวดเร็ว...






... ทักษาวัยแบบที่ ๒ ...


...เมื่อรู้ว่าดาวอะไรเสวย ดาวอะไรแทรกแล้ว ก็ไปดูในดวงเดิมว่า ดาว ทั้ง ๒ ดวงนี้ทำเชิงมุม ดีหรือร้ายต่อกัน...เป็นคู่มิตร คู่ศัตรู คู่ธาตุ คู่สมพล ฯลฯ กันหรือไม่...
[รายละเอียดให้ไปหาอ่านจากหนังสือของ อ.พลูหลวงได้ ] ...





... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...


...พบกันในบท สถิติดวงชาตา ฯลฯ ในบทความต่อไปกันนะครับ...สวัสดี...

... เขียนโดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หลักการและประโยชน์จากดวงมาตราฐาน


                       ... ภาพดวงมาตราฐานทั้ง ๑๒ ดวง ...

                            ... ที่ควรจะต้องจดจำมีดังนี้ ...





















๑.ดวงเกษตร

๒.ดวงประ

๓.ดวงอุจจ์

๔.ดวงนิจ

๕.ดวงราชาโชค

๖.ดวงเทวีโชค

๗.ดวงมหาจักร

๘.ดวงจุลจักร

๙.ดวงอุจจาวิลาศ

๑๐.ดวงอุจจาภิมุข

๑๑.ดวงปกิณะกโชค

๑๒.ดวงจตุสดัย


...ดวงมาตราฐานทั้ง ๑๒ ดวงนี้...ทุกคนที่คิดจะเรียนวิชาโหราศาสตร์จะต้องจดจำให้ได้ขึ้นใจเสียก่อน

เพราะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการทำนายดวงชาตา...เมื่อจำได้แล้วเราก็จะรู้ได้ว่าถ้าดาว ๑ ...

ในดวงชาตาอยู่ที่ราศีเมษแสดงว่าดาว ๑ ได้ตำแหน่งอุจจ์ [สูงส่ง มีเกียรติยศ ] ในทันที...ที่เห็น...

...ถ้าดาว ๓ อยู่ที่ราศีพฤศจิก แสดงว่าได้ตำแหน่งเกษตร [มั่นคง ปึกแผ่น ]

...ถ้าดาว ๕ อยู่ที่ราศีมังกร แสดงว่าได้ตำแหน่งนิจ [อ่อนด้อย เชื่องช้า ]

...ถ้าดาว ๗ อยู่ที่ราศีพฤษภ แสดงว่าได้ตำแหน่งมหาจักร [ผาดโผน พลิกผัน ] ...








... หลักการสำคัญเบื้องต้นของนักโหราศาสตร์ก็ตือ ...



 ๑. ต้องจดจำดวงมาตราฐานต่างๆนี้ให้คล่องแคล่ว มองดูดาวในดวงชาตาเห็นปั๊บรู้เลยว่า

ดาวต่างๆนั้นมีตำแหน่งอันใด เป็นเกษตร อุจจ์ ประ นิจจ์ อย่างไร ... ก็จะทำให้การวินิจฉัย

ดวงชาตานั้นชัดเจนและง่ายขึ้น ...


๒. ต้องแม่นในเรื่องลัคนา ภพ - เรือน เข่นดูลัคนาราศีธนู เจ้าชาตาถามเรื่องอะไรมา เราก็

ต้องมองไปในดวงแล้วรู้ภพที่เขาถามมาให้ได้ ในทันทีทันใด ...คือว่ากันง่ายๆ เรามองไปที่


ลัคนาต่างๆเราต้องรู้ภพกัมมะ ภพปุตตะ ภพอริ ในพริบตา จากตาทั้ง ๒ ข้างของเราเอง ...




๓. ต้องจดจำ โยคเกณฑ์ต่างๆ เช่น องค์เกณฑ์คือ ...







๑. นระเกณฑ์ ราศีคน มี่ราศีตุลย์, ธนู, กันย์, กุมภ์ มีดาวกุมลัคนาได้องค์เกณฑ์ 

[ ระบบไทยโบราณแท้ไม่จำกัดดาว ] ...


๒.ปัสวะเกฯฑ์ ราศีสัตว์ ๔ เท้า มีราศีเมษ, พฤษภ, สิงห์ มีดาวอยู่ที่ภพที่ ๑๐ เป็นองค์เกณฑ์

๓. อัมพุเกณฑ์ ราศีสัตว์น้ำ ที ราศีกรกฏ, มังกรและมีน มีดาวอยู่ภพที่ ๔ ได้องเกณฑ์ 


[ ไม่จำกัดว่าเป็นดาวศุุภเคราะห์ ตามบางตำราที่ว่าไว้ ] ...

๔. กีฏะเกณฑ์  คือราศีพฤศจิก ไม่จำกัดว่าเป็นดาวอะไร ถ้าเล็งลัคน์ ถือว่าได้องค์เกณฑ์ 



... กฎเกณฑ์ที่ให้ผลดีเยี่ยมก็คือ ...


... มุมตรีโกณ มุมจตุโกณ มุมโยค ...

... ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก ...

... ดวงดอกพิกุล ...

... ดาวพระเคราะห์ อยู่ภพที่ ๑๐ ...

... ตนุลัคน์ดีเด่นแค่ไหน เพราะตนุลัคน์คือ วาสนาของทุกลัคนา ...





... ดวงชาตา สมเด็จพระพุฒาจารย์ [ โต ] ...

... เกิดวันที่ ๑๗ เม.ย.๒๓๓๑ เวลาพระบิณฑบาต ...ประมาณ ๘ - ๙ น.

... วัน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีวอก ...

... จากปูมโหร ของท่าน อ.พลูหลวง ...


... มุมตรีโกณ ... มุมร่วมธาคุ ...ตรี = ๓ โกณ = มุม  =  มุม 3 มุม ...

... ให้ดูจากราษีเมษ มีดาว ๑ มุมที่ 1 ... ดูที่ราศีสิงห์ มีดาว ๒ มุมที่ 2 ...

ดูจากราศีธนู มีดาวพลูโต มุมที่ 3  = ดาว ๓ ดวงนี้อยู่ในมุมตรีโกณ ...


... มุมจตุโกณ ...จตุ = ๔ โกณ = มุม ... มุม 4 มุม ...

... ให้ดูที่ราศีพฤษภลัคนามีดาว ๖ เกษตร มุมที่ 1 ดูต่อไปราศีสิงห์มีดาว

 ๒ มุมที่ 2 ... ดูต่อไปที่ราศีพฤศจิกมี ราหู มุมที่ 3 ... ดูต่อไปที่ราศีกุมภ์มี

ดาว ๗ และ ๙ เป็นมุมที่ 4  = ดาวทั้งหมดที่กล่าวมานี้อยู่ในมุม 4 มุม ...


... ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก ...

... ในดวงนี้ ... ถ้าที่ราศีตุลย์ไม่มีดาวเนปจูน ที่ราศีพฤศจิกไม่มี ราหู ...

ที่ราศีธนูไม่มีดาวพลูโต ... ดวงนี้จะได้" ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก" ทันที ...


... ดวงดอกพิกุล ...

... ให้ดูจากราศีเมษมีดาว ๑ เกษตร ดูต่อไปที่ราศีมิถุนมีดาว ๕ ดูต่อไปที่

ราศีสิงห์มีดาว ๒  ดูต่อไปที่ราศีตุลย์มีดาวเนปจูน ดูต่อไปที่ราศีธนูมีดาว

 พลูโต ดูต่อไปที่ราศีกุมภ์มีดาว ๗ และเกตุอยู่ ดูต่อไปก็เจอดาว ๑ ครบรอบ

... แบบนี้เขาเรียกดาวโยคกันครบทั้งดวงชาตา " ดวงดอกพิกุล " ...


... ดาวพระเคราะห์อยู่เรือนที่ ๑๐ ...

... โหราศาสตร์ถือว่าดาวภพที่ ๑๐ มีพลังสูงมากในชีวิตของทุกลัคนา ในดวงนี้

มี ๗ และ ๙ อยู่ภพที่ ๑๐ ...๗ และ ๙ มีความหมายถึงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นพระเครื่องสมเด็จของ ... สมเด็จพระพุฒาจารย์ [ โต ] ท่านจึงเป็นสุดยอด

พระเครื่องมาตราบจนทุกวันนี้ ...

... ๖ ตนุลัคน์ท่านเป็นเกษตร หมายถึงท่านเป็นผู้มีวาสนาสูงส่งอย่างแน่นอน ...



... ถ้าให้โทษก็ต้องดู ...


... มุมปลายหอก ... ก็คือมีดาวอยู่ภพที่๖ และภพที่ ๘  ของลัคนา 

... มุมบีบ ... คือมีดาวบีบหน้า - หลัง ภพนั้นเช่น มีดาวอยู่กฎุมภะกับวินาสน์มีบลัคนา ...

...ดาวกากะบาด ... มีดาวบาปเคราะห็ตั้งอยู่ในมุมจตุโกณกับลัคนา เป็นมุมหักอย่างแรง


[ กฏเกณฑ์เล่านี้มีอยู่ตามหนังสือโหราศาสตร์ทั่วไปอยู่แล้วครับ ] ...







                             ... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...


... ถ้าเราจำตำแหน่งของดวงทั้ง ๑๒ ดวงนี้ไม่ได้เราย่อมไม่สามารถที่จะทำนายดวงชาตา ...

ได้อย่างแน่นอน...ด้านล่างนี้ก็มีภาพดวงมาตราฐานให้ดูอีกเพื่อจะได้ติดตา ไม่ลืมเลือน

 สวัสดีครับ ...






วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดวงชาตาท่าน อ.พลูหลวง


                ...ตั้งแต่โบราณมาบรรดาครูโหรทั้งหลายล้วนศึกษามาจากรากเง่าเดียวกัน...
                          [เปรียบดังสำนักเสียวลิ้มยี่ที่เป็นต้นกำเนิดของวิชา] ทั้งสิ้น...


...ดังนั้นเมื่อมาพูดถึงในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์ความหมายหลัก ...ความหมายของดวงดาวต่างๆ
กฏเกณฑ์ในเรื่องดาวทำมุมโยค...ตรีโกณจตุโกณความหมายของเรือนชาตาหรือภพต่างๆย่อมต้องเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเกษตร๒เรือนหรือเกษตรเรือนเดียว บรรดาครูโหรทั้งหลายก็เปรียบเสมือนกับ
                    ...จอมยุทธที่ศึกษามาจากสำนักเสียวลิ้มยี่ [ ต้นกำเนิด ] ...
...แล้วจึงมาแตกแขนงเป็นสำนักบู๊ตึง ฮั่วซัว คุนลุ้น ง่อไบ๊ เตียมชังฯลฯ.เป็นเอกเทศ...


                    ...อันวิชาเปรียบเสมือนดุจดั่งอาวุธ วิชาโหราศาสตร์ก็เป็นดุจเดียวกันคือ...
มีระบบเกษตร๒เรือน  ระบบเกษตรเรือนเดียว  ระบบ๑๐ลัคนา ระบบโหราศาสตร์สากล.ยูเรเนียนฯลฯ
ทุกวิชาย่อมมีความโดดเด่นในตัวของมันเอง...จะไปว่าระบบไหนเด่นกว่าหรือด้อยกว่ากันก็ไม่ใช่.
เพราะในแต่ละวิชาที่กล่าวมานี้.ถ้าผู้ที่เรียนวิชาต่างๆนี้ไม่มีทักษะหรือญาณในการทำนาย...
ไม่ว่าวิชาของระบบไหนก็จะต้องมีความผิดพลาดอย่างแน่นอนเป็นที่บุคคล...
                                             ...ไม่ใช่ไปโทษที่หลักวิชา...


     ...อันที่จริงควรจะเรียนวิชาที่ใกล้เคียงกัน [ หรือทุกระบบ ถ้าต้องการจะเรียนรู้ให้ครบวงจร ] ...
              ...เช่นระบบเกษตรเรือนเดียวและระบบเกษตร๒เรือน.เพราะผิดกันเล็กน้อย...
เพราะเวลาทำนายดวงชาตาเปรียบเสมือนเราหยิบดาบเข้าฟาดฟันแต่กระบี่พลันหลุดมือก็สามารถ
ควักหยิบมีดสั้นหรือดาบที่พกติดตัวมาก็จะทำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที...


...สุรุปไม่ว่าวิชาใดล้วนมีทั้งปมเด่นและปมดังด้วยกันทั้งสิ้นทุกวิชา...อยู่ที่ผู้ทำนายต่างหากว่ามีความสามารถเพียงพอไหม? ในการหยิบ-ยกหรือควัก-ล้วงเอามาใช้ได้แค่ไหน...แต่ไม่ไช่ไปโทษหลักวิชาว่า...วิชานี้ดีกว่าวิชาโน้น...วิชาโน้นดีกว่าวิชานี้...ป่วยการ อยู่ที่ผู้ทำนายอย่างเดียวเท่านั้น...ครับ...


                                 ...วิชาของท่าน อ.พลูหลวงเป็นระบบเกษตรเรือนเดียว...


                                    
                                         ...ประวัติ อ.  พลูหลวง [ น.ณ ปากน้ำ]โดยสังเขป...

                     ...เกิดเมื่อ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๑...ต.ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ...

                                           ...มรณะกรรมวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓ ...


...ท่านมีชื่อจริงว่า...อ.ประยูร อุลุชาฎะ ...ท่าน อ.พลูหลวงเป็นปูชนียบุคคลที่วงการโหราศาสตร์ไทยเรายอมรับในความสามารถของท่าน...ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ทุ่มเท ทั้งแรงกาย และแรงใจ ที่จะศึกษาวิชา...โหราศาสตร์ในหลายๆแขนง โดยไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะไปที่ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง ท่านได้แต่งตำหรับตำรามากมายที่เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ โดยตรง...ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักโหราศาสตร์รุ่นหลังๆเป็นอย่างมาก...นอกจากนี้ท่านยังสนใจและค้นคว้าเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับต่างๆ ...
...เรื่องการฝึกจิต ฮวงจุ้ย ดาราศาสตร์และเรื่องโบราณคดี ประวัติศาสตร์ฯลฯ...


...ส่วนตัวผมเองนั้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๘ ต้นๆปีผมได้เคยโทรไปหาท่าน อ.พลูหลวงที่บ้าน...
[ตอนนั้นได้เบอร์โทรท่านจากร้านเขษมบรรณกิจ แหมก็ผมเป็นลูกค้าที่ซื้อหนังสือโหราศาสตร์จน
หมดร้าน...แถมที่ร้านก็ยังรู้จักกับคุณพ่อของผม...คือ พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม อีกด้วย ]
 ผมได้ตั้งคำถามท่านว่า "ตัวผมนี่จะเป็นโหรที่ดีได้ไหมครับ ? "
ท่านถามกลับมาว่า"ดาวแบคคัสและดาวพลูโตของคุณอยู่ที่ไหน?"
ผมตอบว่า "อยู่ที่ราศีกรกฏ ภพศุภะครับ "
ท่านก็ถามถึงดาวอื่นอีกทั้งหมด ผมก็บอกท่านไปหมดทุกดวง ...
หยุดไปสักครู่ท่านก็ตอบมาว่า "คุณเป็นโหรที่ดีได้เพราะคุณเป็นคนมีญาณในการทำนาย"
...ในเมื่อท่านปรมาจารย์โหรบอกมาเช่นนี้ผมจึงลุยเต็มที่ในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์มาจนปัจจุบันนี้...



                                                                      ...ราศีตุลย์...

...โยคเกณฑ์...



๑.ดวงได้เกณฑ์ดอกพิกุล คือมีดาวกุมลัคนาและโยคไปตามลำดับทุกราศี ดาวพุธกุมลัคน์ ดาวโยคตามลำดับคือ ศุกร์ จันทร์ พฤหัสบดี อังคาร พลูโต เกตุ และเนปจูน...

๒.ดาวได้ตรีโกณและโยค...

๓.ขณะเกิดมีดาวพลูโตและเนปจูน เกตุ อังคารลอยอยู่บนฟ้า ทำให้สนใจในศาสตร์เร้นลับ
ศึกษาค้นคว้าในโหราศาสตร์ และการฝึกจิต ประวัติศาสตร์และโบราณคดี...

๔.ดาวมฤตยูนำหน้าดาวจันทร์กัมมะ จึงสนใจในการค้นคว้า การออกสำรวจศิลปโบราณวัตถุสถาน
อยู่เสมอเป็นประจำ...

๕.ดาวพุธวินาศนะกุมลัคน์ จึงชอบเก็บตัว ไม่ออกสังคมและ ไม่ยอมเปิดเผยตัว จะมีคนรู้จักก็ในนามปากกาเท่านั้น...

๖.ดาวอังคาร เกตุเล็งดาวศุกร์ตนุลัคน์ ทำให้สุขภาพไม่ดี มักจะเจ็บป่วยบ่อยๆ ...

๗.ดาวอาทิตย์คือ บิดากุมดาวเสาร์ มีดาวมฤตยูตรีโกณถึงเจ้าชาตา จึงมักมีเรื่องขื่นขมเกี่ยวกับบิดา...
ประกอบด้วยดาวอังคารบาปเคราะห์ ไปครองภพที่ ๙ คือบิดาร่วมเกตุ จึงมีทุกข์อันบิดามักมีความเห็น
ไม่ตรงกัน และพลัดพรากกันอยู่เสมอ...

๘.ลัคนาสถิตในนวางศ์แรกราศีตุลย์ เป็นวรโคตมนวางศ์ กุมดาวพุธ  พฤหัสบดีเล็ง มีศุกรมหาจักรโยคหน้า เนปจูนคู่ศิลปกับศุกร์โยคหลัง จึงมีชื่อเสียง...

๙.ดาวเกตุเป็นเกษตรในภพที่ ๙ อันเป็นภพเดินทางไกล มีพฤหัสบดีโยคหลัง และเนปจูน
ดาวลอยในภพที่ ๙ ของดาวศุกร์ตนุลัคน์ โยคหน้า ประกอบด้วยดาวศุกร์ตนุลัคน์ ไปสถิตภพที่ ๓
 อันเป็นภพเกี่ยวกับการเดินทางใกล้ๆ เจ้าชาตาจึงต้องเดินทางออกสำรวจค้นคว้าเป็นประจำไ
ปตามจังหวัดต่างๆในประเทศ และเดินทางไปค้นคว้าต่างประเทศด้วย...

...ดาวเสาร์เจ้าเรือนภพที่ ๔ กุมอาทิตย์ ราหูเล็งจึงอยู่ไม่ติดที่ ต้องจากที่อยู่บ่อยๆ ...
[ภพที่ ๔ คือสถานที่อยู่ ]และชีวิตเต็มไปด้วยการเดินทาง...


                                   ...ต่อจากนี้ผมจะขยายความให้เข้าใจได้ละเอียดขึ้น...


...ดาว ๖ ตนุลัคน์ยังได้ ตำแหน่งปทุมเกณฑ์ [เกณฑ์มีชื่อเสียง ] ตรีโกณกับดาว ๕ ได้ตำแหน่ง
ราชาโชค [ เป็นที่นิยมของนักปราชญ์ ครู อาจารย์ ผู้ทรงศีล ยกย่อง ] และยังตรีโกณกับดาว
เนปจูน [ สังคม ปวงชน ] ...จึงทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากปวงชนทั้งหลาย...

                                                        ...ดูในเรื่องงานของท่าน...
ให้ดูไปที่ดาว ๒ เจ้าเรือนภพกัมมะ [งาน] มี่ดาว ๐ [วิชาโหราศาสตร์ ] เป็นศูนย์พาหะ [นำทาง ] มีดาว 
 [ครูบาอาจารย์ ] ซึ่งตรีโกณกับดาว ๖ [ศิลป ] โยคหน้าดาว ๒ กัมมะ [งาน ] อยู่ซึ่งสถิตอยู่ในเรือน
ของราหู [ของขลัง ไสยศาสตร์ จิตวิญญาณ ] อยู่ และยังตรีโกณอยู่กับดาว ๓ [กิจกรรม ] ซึ่งมีดาว ๗ 
[เก่าแก่ ประวัติศาสตร์ ] สถิตอยู่...จึงแปลรวมออกมาได้ว่า...

...งานของท่านก็คือ...อาจารย์ค้นคว้าในวิชาโหราศาสตร์ เป็นอาจารย์ในทางศิลป เป็นอาจารย์
เกี่ยวกับการฝึกจิต ของขลัง จิตวิญญาณ  เป็นนักประวัติศาสตร์และเป็นนักโบราณคดี...


...ที่ีท่านมีความทุกข์อันเกี่ยวกับบิดา...
...ดูจากดาว ๖ ตนุลัคน์ ตัวที่ ๑ ตั้งเป็นลัคนาที่ ๒ ดาว ๑ เจ้าเรือนภพศุภะ [บิดา ] มาอยู่ที่ราศีพฤศจิกภพวินาศ [ทุกข์ใจ ] กุมอยู่กับดาว ๗ [พลัดพราก ]  อ่านได้ว่า...
...ท่านจะต้องทุกข์ใจและมักจะต้องพลัดพรากจากกับบิดา...

...ดูจากดาว ๕ ตนุลัคน์ตัวที่ ๒ ตั้งเป็นลัคนาที่ ๓ ดาว ๕ เจ้าเรือนภพศุภะ [บิดา + วินาศ [อึดอัดใจ ]
มากุมลัคน์...
...อ่านว่า...ท่านมักจะต้องอึดอัดใจกับบิดาท่าน อย่างง่ายๆ [ดาว ๕ เป็นราชาโชค [ง่ายๆ ]...ในเรื่อง...
ความเห็นไม่ตรงกัน ดาว ๔ [ เจรจา ปาก ] เล็งดาว ๕ ปัตนิ [ปัญหา ] จากลัคนาแรก และกุมลัคน์ ...
[ตัวท่าน ] จากลัคนาแรก...


...ดูจาก ดาว ๓ ตนุลัคน์ตัวที่ ๓ ตั้งเป็นลัคนาที่ ๔ ...ราหูเจ้าเรือนศุภะ [ บิดา ] มาอยู่ที่ราศีพฤษภ
ภพ...วินาศ [ ร้อนใจ ขื่นขม ] ...
...ดาว ๐ [อาเพท ] เจ้าเรือนภพ ศุภะ [ บิดา ] เจ้าเรือนราศีกุมภ์อีกดวง...มาอยู่ภพกัมมะ [กรรม ] 
...ดาว ๗ [โทษทุกข์ ] เจ้าเรือนภพ ศุภะ [บิดา ] เจ้าเรือนราศีกุมภ์อีกดวง...มาอยู่ที่ภพอริ [ขัดใจ ]
และดาว ๗ ยังเป็นเจ้าเรือนภพ มรณะ [ อตีตชาติ เนิ่นนาน ] ก็แปลรวมกันออกมาได้ว่า...

...ตัวท่านกับบิดามีความขัดแย้งที่ลงรอยกันไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำพาความทุกข์ระทมใจมาสู่ท่าน... 
...คิดว่าน่าจะเป็นกรรมเก่าที่เคยเป็นศัตรูกันมาใตั้งแต่ในอดีตชาติ...

...สรุปสั้นๆได้ว่า...
นักเขียน...เพราะดาว ๔ หมายถึง งานเขียน ประพันธ์ หนังสือ ศึกษา กุมลัคน์
โหราจารย์...เพราะดาว ๕ สหัชชะ [การศึกษา ]และดาว ๒  กัมมะ [งาน ] บีบดาว ๐ โหราศาสตร์ 
อยู่ในพื้นดวงชาตาเดิมของท่าน...





... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...

...ผมพยายามนำเอาเจ้าเรือนทั้ง ๒ ระบบนำมารวมกันทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นในการทำนาย...
...พบกันใหม่อีกในสถิติ บทเรียน ในบทความต่อไปนะครับ...สวัสดี...

...คุณความดีของบทความที่ข้าพเจ้าได้ทำมาทั้งหมดนี้ ขอมอบอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้แด่...
...วิญญาณท่านปรมาจารย์โหร อ. พลูหลวง จงได้สถิตอยู่ในภพภูมิที่สูงส่งยิ่งขึ้นไปด้วย...
...เทอญ...สาธุ...

... เขียนโดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...





วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดวงชาตาที่ต่อสู้ดิ้นรนไม่ย่อท้อ


...เป็นดวงชาตาที่ต้องพลัดพรากจากกันกับบิดาและมารดาตั้งแต่เยาว์วัย...โดยต้องอยู่กับยายมาโดยตลอดจนอายุ ๑๓ ปียายได้ย้ายไปอยู่ประเทศอเมริกา...หลังจากนั้นเจ้าชาตาก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองมาโดยตลอด แต่ต่อมาก็ได้มาอยู่กับบิดาแต่เป็นลักษณะไปๆมาๆ ไม่ได้อยู่อย่างถาวร ส่วนมารดานั้นได้ขาดการติดต่อกัน...ทำงานที่ไหนไม่เกี่ยงสามารถทำงานได้หมด...อย่างที่เขาเรียกกันว่าหนักเอา เบาสู้...
และที่สำคัญเจ้าชาตาเป็นบุตรโทน ไม่มีพี่น้องร่วมสายเลือด...


                 ...ในปัจจุบันก็ประสพความสำเร็จในกิจกรรมการงานของตนเองได้ในที่สุด...



                                                                      ...ราศีสิงห์...


...ชาย เิกิดวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ เวลา ๑๑.๐๕ น.จังหวัด ชลบุรี...


...สาเหตุที่กำพร้า เราก็มาดูกันที่ดาว ๑ ตนุลัคน์ [เจ้าชาตา ] อยู่ที่ราศีพฤษภ และดูไปที่ดาว ๓ เจ้าเรือนภพพันธุ [แม่ ] ไปอยู่ราศีเมษ เป็นวินาสน์ [จากไป ] ของดาว ๑ ตนุลัคน์ และเป็นเกษตร [ แน่นอน ] ...
ก็แปลได้ว่าต้องมีอันต้องพลัดพรากจากแม่แน่นอนตั้งแต่วัยเด็ก ...
[ดาว ๑ เป็นเจ้าเรือนปุตตะของลัคนาโลก ] ...


...จากเรือนพันธุที่ราศีพฤศจิก ตั้งลัคนาตัวแม่ขึ้นมาใหม่ จะเห็นว่าเรือนปัตนิ [คู่ครอง ] ของแม่อยู่ที่ราศีพฤษภ ก็คือพ่อนั่นเอง ดาว ๖ เจ้าเรือนก็ไปอยู่ราศีเมษ เป็นวินาสน์กับดาว ๑ ตนุลัคน์อีกเช่นกัน...
...แปลว่าทั้งดาวพ่อและดาวแม่เป็นวินาสน์ [จากกัน ] หมดทั้ง ๒ ดวง...
...แต่ดาว ๒ หมายถึงแม่ โดนดาว ๗ [พลัดพราก ] ทำร้ายเรือนและดาว ๒ ไปอยู่ที่ราศีเมษเป็นเกษตร
[ปักหลัก ] ...ตามความเป็นจริงแม่ย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่ประเทศ มาเลเซีย อยู่มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้...



...ตามปูมโหร ของ อ. พลูหลวงระบุว่าดาว พลูโตเจ้าเรือนราศีเมษคือประเทศ มาเลเซีย...
...ดาว ๕ คือดาวประจำเมืองของประเทศอเมริกา...
...คราวนี้เรามาดูเรื่องที่ว่าอยู่กับยายตอนเด็กๆและต่อมาก็ไปอยู่ประเทศอเมริกา...
...ตั้ังราศีเมษเป็นลัคนาของพ่อ ราศีตุลย์ก็คือลัคนาของแม่ ดังนั้นราศีมิถุนก็คือ แม่ของแม่ก็คือยายนั่นเอง...ดาว ๔ ยายไปกุมอยู่กับ ดาว ๑ ตนุลัคน์ [เยาว์วัย ] และก็ไปกุม เกตุ [ต่างประเทศ ] และก็ไปกุม
ดาว ๕ [อเมริกา ] ดาว ๔+๕+๙ แปลว่ามีผู้ดูแลอยู่ที่ประเทศอเมริกา...
...แปลรวมว่า...อยู่กับยายตอนเด็กๆอยู่กับยาย แต่ตอนวัยรุ่น ยายก็จากไปอยู่กับลูก [ลูกสามีเก่า ] ซึ่งตั้ง
หลักตั้งฐานอยู่ที่ประเทศอเมริกามานานแล้ว...



...ที่ว่าขยันทำมาหากินก็ดูที่ ดาว ๑ ตนุลัคน์ [เจ้าชาตา ] ไปอยู่ที่เรือนกัมมะ [งาน ] แล้วดาว ๖ เจ้าเรือน
ภพกัมมะไปอยู่ที่ราศีเมษภพศุภะ [ฝักใฝ่ ] แบบนี้ตอบได้เลยว่าขยันแน่นอน แต่เจ้าเรือนภพกัมมะ [งาน ]
เป็นประ [ไม่ทน อ่อนตัว ] ก็เลยเปลี่ยนงานไปเรื่อยไม่จบสิ้น [ เกษตร แปลว่า เสมอๆ ไม่จบสิ้น ]
...และที่ต้องสังเกตุดีๆคือ ที่เรือนกัมมะ มีดาวอยู่หลายดวง...แปลว่ามีงานทำได้หลายอย่างแต่ก็อยู่ไม่ทน

...ในเรื่องที่ว่าเป็นบุตรโทนไม่มีพี่น้อง...
...ก็ดูไปที่ราศีตุลย์ภพสหัชชะ [พี่น้อง ] ดาว ๖ เจ้าเรือนเป็นประ [อ่อนตัว ] ไปอยู่ที่ราศีเมษ กุมกับดาว ๒
เจ้าเรือนภพ วินาสน์ [ไม่มี ] และเป็นเกษตร [แน่นอน ] แปลได้ว่า ไม่มีพี่น้องอย่างแน่นอน...
...ย้อนลงไปดูที่ ดาว ๗ พลัดพรากเจ้าเรือนพบอริ [ยาก อุปสรรค ลำบาก ] ส่งกำลัง ๑๐ จากตัวเองไปที่ราศีเมษอีก...ยิ่งยืนได้อีกว่า ไม่มีพี่น้องร่วมท้องได้มาเกิดแน่ๆ...


...ที่ว่ามาอยู่กับบิดาก็เพราะว่า...เรือน ศุภะ [พ่อ ] เป็นเกษตร [มั่นคง ] แต่มีดาว ๒ เจ้าเรือนภพวินาสน์
[เป็นครั้งเป็นคราว ] แล้ว ดาว ๒+๓ แปลว่าคู่เอาใจใส่...ดังนั้นจึงมาอยู่กับพ่อ แต่ก็ต้องจากไประยะสั้นๆ
แล้วก็กลับมาอยู่กับพ่อเป็นเวลาระยะนานพอสมควรไม่ทอดทิ้งซึ่งกันและกัน  [คู่เอาใจใส่ ]...และเมื่อถึง
วัยดาว ๓ คือตั้งแต่ ๔๑-๕๐ ปี ก็จะต้องมาอยู่กับบิดาตลอดไปในอนาคต...
...เพราะเรือนศุภะ นอกจากจะหมายถึงพ่อแล้วยังหมายถึง อนาคตอีกด้วย...

...ลองขับดูที่ดาว ตนุลัคน์ ที่อยู่ราศีพฤษภ ตั้งเป็นลัคนาขึ้นมาใหม่ เรือนสหัชชะ [ญาติ ] ที่ราศกรกฎ เจ้าเรือนคือดาว ๒ ก็ไปเป็นวินาสน์ กับดาว ๑ ตนุลัคน์ [เจ้าชาตา ] อีกชั้นหนึ่งด้วย....


...ที่ว่าปัจจุบันได้ดีมีสุขขึ้นมาก็เพราะได้ปัศวะเกณฑ์ คิอมีดาวอยู่เรือนที่ ๑๐ จากลัคน์...

...ทบทวนเรื่องปํศวะเกณฑ์ โคลงกลอนมีดังนี้...
 
            ปัศวะ    ทศะต้อง   องค์เกณฑ์
            ชีวะ จันทร์ ภุมเมนทร์  ผ่องแผ้ว
             อีกองค์พระสุริเยนทร์   ทรงยศ
             สี่สถานเลิศแล้ว    ยศล้ำพระยา


...โคลง ๔ นี้เป็นกฏเกณฑ์ข้อบังคับของดวงปัศวะเกณฑ์ ...
 หากลัคนาผู้ใดอยู่ในราศีปัศวะ มีดาวเคระห์ดวงใด ดวงหนึ่งเป็น ๑๐ แก่ลัคนา ...
เรียกว่าได้องค์เกณฑ์  ยิ่งถ้าได้ดาว พฤหัสบดี  จันทร์  อังคาร  อาทิตย์ ...เป็น ๑๐ แก่ลัคนา
นับว่าได้องเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม ผู้นั้นจะเจริญด้วยยศศักดิ์ตั้งแต่ชั้นพระยาขึ้นไปแน่นอน...


...อธิบาย...ดวงที่ได้ปัศวะเกณฑ์มีราศี เมษ  พฤษภ และราศีสิงห์ เท่านั้น...





... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...


...ทุกบทความที่ผ่านมา ให้ผู้ที่รักจะเรียนวืชาโหราศาสตร์หมั่นทบทวนให้เกิดความเข้าใจ พยายามมองหาแนวทาง และมุมมองใหม่ ที่จะทำให้การทำนายดวงชาตาได้เิดความสมบูรณืยื่งขึ้นๆไป...

...สวัสดีครับ พบกันใหม่ในบทความตอนต่อไปนะครับ...

...ไปทบทวนบทเรียนต่างได้ที่เว็บไซด์...https://sites.google.com/site/exguitarhora/ ได้นะครับ


...เขียนโดย อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...