วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ดวงชาตาได้รับมรดกทางปัญญาจากมารดา
... ดวง...หญิง ...เกิดวันที่ ๑๙ ต.ค. ๒๕๐๒ ...
... เวลา ๑๙.๒๐ น.ฉะเชิงเทรา ...
... ต่อไปนี้เป็นการพูดคุยในเรื่องวิชาโหราศาสตร์ ...
... ระหว่าง อ. ธนเทพ ...กับเจ้าของดวงขาตา ...
... เจ้าชาตาถามมาว่า " อาจารย์ค่ะ พื้นดวงของหนูุจะได้มรดกเป็นที่ดินได้บ้างไหมค่ะ ? "
อ.ธนเทพ ตอบว่า " จะดูเรื่องที่ดิน เราก็ต้องไปดูที่ราศีกรกฏ ภพพันธุ [ ที่ดิน ]
มีดาวมฤตยู ...เจ้าเรือนภพ ลาภะ [ ความโลภ , หลงผิด ] มาสถิตอยู่ ทำาให้ดาว ๒ เจ้าเรือน
ภพพันธุ ถึงจะได้ตำแหน่ง อุจจ์ [ มาก ] แต่ก็ต้องสะเทือนไปกับดาว มฤตยู ซึ่งตรีโกณกับ
ดาว ๕ เจ้าเรือนภพวินาสน์ [ ล้มเหลว ] และเป็นเจ้าเรือนภพ ศุภะ [ แม่ ] ฃึ่งกุมเกตุ เจ้านก
สองหัวจอมวุ่นวาย ...
ทั้งดาว ๕ และเกตุยังอยู่ที่ราศีพฤศจิก ภพมรณะ [ มรดก , การสูญเสีย ] เรือนของดาว ๓
ซึ่งก็ยังเป็นเจ้าเรือนภพ ตนุ [ เจ้าชาตา ] ซะอีกด้วย ...ทีนี้เราย้อนไปดูดาว ๒ เจ้าเรือนภพ
พันธุ ...ต้นเหตุของเรื่องที่ถูกถาม อยู่ที่ราศีพฤษภ ภพกฎุมภะ [ ทรัพย์ ] และภพปัตนิ
[ ปัญหา ] โดยเฉพาะภพปัตนิที่ราศีตุลย์มีดาวอยู่ ๓ ดวง มีดาว ๓ ตนุเป็นประ [ อ่อน ]
กุุมดาว ๑ เจ้าเรือนภพปุตตะ [ สิ่งที่เกิดขึ้น ] และดาว ๔ เจ้าเรือนภพสหัชชะ [ พี่น้อง ]
และภพอริ ...[ ปัญหา,และการขัดแย้ง ] ...และที่ภพอริ ยังมีราหูเจ้าเรือนภพลาภะ [ โลภ ]
สิงสถิตอยู่อีกด้วย " ...
... คราวนี้เราลองจับมาเรียบเรียงและคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว แปลรวมๆ ออกมาได้ว่า ...
... เจ้าชาตาเป็นคนที่มีมรดกจากบรรพบุรุษจำนวนมากโขอยู่ แต่ถูกความโลภของ
พี่น้องร่วมท้อง บิดเบือนและเบียดเบียน ทำให้ต้องยอมสูญเสียทรัพย์สินไป เพราะ
ไม่อยากให้เกิดมีการขัดแย้ง แย่งชิงกันในระหว่างเครือญาติ ฯ ของตนเอง ...
จึงต้องยอมสละสิทธิ์ในกองมรดก ...
... เจ้าชาตาถามมาอีกว่า ...
" ทำใมหนูจึงได้รับมรดกทางปัญญามาจากแม่ของหนู หมดเลยละค่ะ อาจารย์ "
... อ. ธนเทพ ตอบไปว่า ...
" ดูไปที่ดาว ๒ อุจจ์ [ มารดา ] อยู่ที่ราศีพฤษภภพกฎุมภะ [ ได้มา ] เรือนดาว ๖
ดาว ๓ ตนุ [ เจ้าชาตา ] + มรณะ [ มรดก ] อยู่ที่ราศีตุลย์ภพปัตนิ [ จังๆหน้า, ชัดเจน ]
กุมอยู่กับดาว ๑ + ๔ [ คู่ปัญญา , คู่วิชาการ ] ดาว ๔ ยังหมายถึงสมองอีก นอกจากนี้
แล้วดาว ๑ หมายถึงเด็ก ๆ หรือเยาว์วัยอีกด้วย ..."
... เมื่อแปลออกมาก็ได้ใจความว่า ...เจ้าชาตาได้รับมรดกเป็นทรัพย์ทางปัญญา จาก
มารดามีมันสมองที่เฉียบขาดในการตัดสินใจ วิเคราะห์เรื่องราวต่างได้เป็นอย่างดีเลิศ
มาตั้งแต่เยาว์วัย ...
... เจ้าชาตาถามต่อมาอีกว่า ...
" แล้วหนูจะศึกษาวิชาโหราศาสตร์ได้ดีแค่ไหนค่ะ "
... อ.ธนเทพตอบว่า ...
" ดูเรื่องโหราศาสตร์ ก็ให้หนูดูไปที่ ดาว ๒ [ ตาซ้าย ] อยู่ราศีพฤษภโยคหลังดาวมฤตยู
[ สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา ] เล็งดาว ๕ ครูบาอาจารย์ แฝงเรือนเกษตรกับดาว ๑ [ ตาขวา ]
... รวมอ่านออกมาได้ว่า ..." หมอดู " ดาว ๐ มีความหมายถึงโหราศาสตร์ ...
...ถ้าเราตั้งที่ดาว ๓ ตนุลัคน์อยู่ที่ราศีตุลย์เป็นลัคนาที่ ๒ ที่ราศีกรกฏภพกัมมะ [ งาน ]
ก็มีดาว ๐ [โหราศาสตร์ ] สถิตอยู่...แบบนี้ยืนยันว่าสามารถเรียนรู้โหราศาสตร์ได้ดีเยี่ยม "...
...เจ้าขาตาถามต่อมาว่า ...
" บุตรชายคนโตของหนูเป็นทหารอยู่ ต่อไปจะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ...
...ได้แค่ไหนค่ะ"
... อ.ธนเทพ ตอบไปว่า ...
" ดูดาว ๑ บุตรคนที่ ๑ ไปกุมดาว ๓ ทหาร ๑ + ๓ ตามสูตรแปลว่า " นายพล " ตอบว่า
ได้ยศเป็นนายพลแน่นอน "
... เจ้าชาตาถามมาอีกว่า ...
" แล้วบุตรชายคนที่ ๒ เป็นยังไงบ้างค่ะ ? "
... อ.ธนเทพ ตอบว่า ...
" บุครคนที่ ๒ เป็นคนเฮง มักมีความสำเร็จต่างๆเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ ไม่ลำบากนัก ...
เพราะถ้าตั้งลัคนาที่ตุลย์เป็นบุตรคนที่ ๒ ดาว ๖ ตนุ สลับเรือนกับดาว๑ เจ้าเรือนภพลาภะ
[ โชค ] เป็นเกษตรเทียม [ สลับเรือนเกษตรกัน ] ให้คุณในด้านความโชคดีต่างๆ "
... สรุปว่าการดูดวงชาตานั้นเมื่อผู้มาดูดวงระบุถามในเรื่องใด ผู้พยากรณ์ก็ต้องขุด แงะ
ค้น จากในดวงชาตาว่าคำตอบของเรื่องต่างๆที่เขาถามมีอยู่ตรงจุดใดในดวงชาตานั้นๆ
เพราะในดวงชาตาหนึ่งนั้น สามารถตอบคำถามได้ ๑๔๔ เรื่องได้อยู่แล้วโดยธรรมชาติ ...
พื้นดวงชาตาสามารถบอกได้ว่าดวงชาตานั้น ดี ชั่ว เช่นไร ป้องกันแก้ไขได้ด้วยวิธีใด ...
มีคำตอบอยู่ในพื้นดวงชาตาแต่ละดวงแล้วทั้งสิ้น ส่วนเหตุการณืล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น
เราก็ต้องดูจาก ตนุลัตน์จรเป็นสำคัญ ตามด้วยอายุวัย จุดกระทบจากดวงดาวน้อย ใหญ่
ที่เข้ามาเกหี่ยวข้องกับดวงดาวในพื้นดวงเดิมของแต่ละดวงชาตา ...
... นักศึกษาทุกคนหมั่นไตร่ตรอง ทบทวน ค้นคว้า รวบรวมสถิติ ฯลฯ ใช้หลัก ...
" สุ จิ ปุ ลิ " การฟัง การคิด การถาม การเขียน [ หัวใจนักปราชญ์ ] ก็จะเกิดความสำเร็จ
ในวิชาได้โดยถ้วนหน้ากัน ...
... สวัสดีครับ ...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น