วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ในช่วงนาทีวิกฤตของชีวิต






                                                           ดาวจรวันที่ ๕ ก.ย.๒๕๕๖

...เมื่อวันที่ ๓ ก.ย. ๒๕๕๖ ช่วงหัวค่ำ ก่อนกินอาหารเย็น ผมรู้สึกปวดท้อง จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ
เพื่อถ่ายในระหว่างปลดทุกข์อยู่นั้น สังหรณ์ใจก้มลงไปดูอุจจาระปรากฎว่ามีเลือดปนอยุ่พอสมควร 
ในตอนนั้น...ก็ยังไม่คิดอะไรนัก เพราะคิดว่าอาจจะเป็นริดสีดวงทวารกลับมาเรียกถาม หาเท่านั้น...
ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกลับออกมาไปกินข้าวเย็นตามปกติ...พอกินอาหารเสร็จสิ้นสักครู่ รู้สึกปวดท้องขึ้น
มาอีก จึงรีบวิ่งไปที่...ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แต่เกือบไม่ทัน...พอถอดกางเกงเสร็จ อุจจาระพุ่งออกมา
เป็นลิ่มๆอยู่จำนวนมากพอสมควร เริ่มรู้สึกผิดปกติขึ้นมาบ้าง ออกจากห้องน้ำแป๊บเดียวก็ปวดท้องอีก
เป็นครั้งที่ ๓ เข้าห้องน้ำเที่ยวนี้ถ่ายออกมามีแต่เลือดล้วนๆเป็นจำนวนมากโขอยู่...

...พอมาเที่ยวนี้ผมไม่รอช้ารีบเรียกลูกชาย [ภู ] ให้รีบสตาร์ท รถพี่เขียวอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า...
" พาพ่อไป ร.พ.ด่วนภู" พอพูดเสร็จก็มีอาการหน้ามืด ใจหวิวๆ รีบร้องขอยาหไอม และยาดมกับ
กิ่งฟ้า[ภรรยา ] ในทันทีอย่างมีสติ....พอได้กินยาหอมและดมยาดมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาอีกมาก สามารถ
ก้าวขึ้นรถได้โดยไม่ต้องมีคนประคอง...เมื่อไปถึง ร.พ.หัวหิน รีบตรงเข้าไปห้องฉุกเฉินในทันที...
พบหมอ ไบรท์ [ รู้จักสนิทกันในตอนหลัง ] เข้าเวรอยู่รับเรื่องกับหมอ บอย [ รู้จักตอนหลังเหมือนกัน]
น่าแปลก พอมาถึง ร.พ.หัวหินเข้าจริงๆ อาการต่างๆกับปกติไม่มีอาการปวดท้องใดๆปรากฎขึ้นอีก

...หมอรอดูอาการอยู่ ๒-๓ ช.ม.จึงจัดส่งคนใข้คือผม นั่นเองไปที่ตึกศัลยกรรมชาย ชั้น ๕ รอดูอาการ
ต่างๆอีกที... ตกลงวันนั้นวันอังคารที่ ๓ ก.ย.๒๕๕๖ ผมนอน ร.พ.เป็นคืนแรก ในวันที่ ๔ ก.ย.ต่อมา
เวลาถ่ายก็มีเลือดออกมาพอสมควรยังไม่มากนัก หมอก็ยังเพ่งเล็งไปที่ว่าน่าจะเป็นริดสีดวงทวาร...
จึงจัดยาเช่น เพชรสังฆาต [มาให้กินอยู่หลายวัน ] พอมาถึงวันที่ ๕ ก.ย.๒๕๕๖ ช่วงตอนเย็นๆ...
[ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่เข้า ร.พ.มาผมก็ใส่แพมเพิร์สมาโดยตลอดกันเลือดที่จะออกมาโดย
ไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า...] 

...ผมก็รู้สึกว่าเลือดได้ออกมาเป็นลิ่มๆอีกโดย ไม่ยอมหยุดง่ายๆ ออกมาเรื่อยๆจนรู้สึกใจ
หวิวๆรู้สึกเพลิน และสบายตัวมากๆ ในตอนนั้นกิ่ง ได้เรียกหมอมาดูอาการอย่างใกล้ชิด
ผมในตอนนั้นได้ยินเสียงหมอไบรท์บอกว่า...เจ็บหน่อยนะ จะยัดเครื่องมือพ่นยาเข้าไปที่
ทวาร...สิ้นเสียงหมอไบรท์ที่ตะโกนพูด ผมก้รู้สึกว่าเห็นแสงสว่างวูบวาบขึ้นมาสว่างจ้า...
ตัวเองไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดต่างๆอีกแล้ว แต่จิตกับไปอยู่ที่เตียงคนใข้อื่น ไปได้ยิน
คนใข้ทะเลาะกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว...ตอนนั้นผมคิดในดวงจิตว่า...ทะเลาะอะไรกัน 
ตรูจะตายอยู่รอมมะร่ออยู่แล้ว...เวรกรรม...

...พอคิดเสร็จจิตก็กลับมาที่เตียงของตนเอง ปรากฏว่าที่ตัวมีสายโยงยางเต็มไปหมดอาทิเช่น
สายอ๊อกซิเจน สายน้ำเกลือ สายให้เลือด มองไปที่ตัวเองเห็นเลือดทะลักออกมาจากแพมเพิร์ส
ออกมานองเตียงที่นอนอยู่...พยาบาลกำลังจะเปลี่ยนผ้าและเช็ดเลือดออก ทำความสะอาดเตียง 
ที่นอน ฯลฯ กิ่งมาเล่าตอนหลังว่าในตอนนั้นคิดว่าผมต้องจากเธอไปอย่างแน่นอน...

...ตอนนี้เรามาดูที่ดวงจรวันเกิดเหตุกัน...

...ดาว ๓ ตนุลัคน์ผมในดวงเดิมเป็นประ อ่อนแออยู่แล้ว ดาว ๓ จรอยู่ที่ราศีกรกฏภพ ศุภะ [สุขภาพ]
ได้ตำแหน่ง นิจจ์ อ่อนแอเบิ้ลเข้าไปอีก  ทีนี้เรามาดูกันว่า ดาว ๓ มีความหมายถึง เลือด การกระตุ้น
อวัยวะหมายถึง ทวารหนัก ดาว ๓ เดิมถูกดาว ๗ อุจจ์ [อย่างแรง ] จรกุมอยู่ที่ราศีตุลย์ภพ วินาสน์
[ ไม่คาดฝัน รวดเร็ว ไม่รู้ตัว ] ดาว ๗ เดิมอยู่ภพ ลาภะ [ ส่วนเกิน ] ตามตำราท่าน อ. ส.ไชยนันท์
กล่าวไว้ว่า...ภพลาภะหมายถึงสิ่งที่งอกเงย ถ้ามีดาว ๗ อยู่ที่ภพนี้ มักจะเป็นเนื้องอก เนื้อร้าย ...
มะเร็ง ความจริงข้อความนี้ผมเห็นมานานแล้ว แต่เชื่อมั่นว่าดาว ๓ ตนุลัคน์ผมในนวางศืเป็นอุจจ์
สุดจะเข้มแข็งไร้เทียมทาน แต่ตัวเองลืมคิดไปว่า ดาว ๓ นอกจากเป็นตนุลัคน์แล้วยังเป็นเจ้าเรือน
ภพอริ [ โรคภัย ปัญหา อุปสรรค ] อีกด้วย...[ แบบนี้เขาเรียกว่าดูดีแบบเข้าข้างตัวเอง ] 

...ในวันเกิดเหตุ ผมดูดาว ๓ ดาว ๒ และดาว ๑ แล้วก็นึกขำว่าเข้าตำราโบราณดีแท้ 
กล่าวคือ...ดาว ๒ กุมอยู่กับดาว ๑ ซึ่งเป็นเกษตร [ เข้มแข็ง ] เท่ากับดาว ๒ คือภรรยา 
มาอยู่กับ ดาว ๑ เกษตร ก็คือสามีผู้เข้มแข็ง แต่ทว่าที่เรือนดาว ๒ มีดาว ๓ นิจจ์ [ชั่วร้าย ] 
ดาว ๓ ก็คือคู่ชู้ที่แอบซ่อนนั่นเอง [ ดาว ๓ นิจจ์อยู่เป็นวินาสน์กับดาว ๒ ] ในเมื่อดาว ๓ ได้
แอบแฝงแบบนี้ มีหรือดาว ๑ เกษตร มีหรือจะไม่รู้ประสีประสาอะไร ...ดังนั้นเท่ากับ...
ดาว ๓ หมายถึง ตนุลัคน์ [ตัวเรา ] + อริ [โรคภัย ] เลือด และทวารหนัก ...
ดาว ๑ หมายถึง ร่างกาย กิจกรรม การกระทำ ...
สมกับโคลงกลอนที่ว่า ๑ ผิด ๓ ...อาทิตย์ผิดอังคาร ...
๒+๓ หมายถึง คู่ชู้ ...
๑+๒ หมายถึง คู่ผัวเมีย ...

...สังเกตุในดวงเดิม ดาว ๕ ราชาโชค ที่คอยเล็งดูแล ดาว ๓ ประ เดิมนั้น ตอนนี้ดาว ๕ เดินอยู่ที่
ราศีมิถุนภพมรณะ [เืดือดร้อน เจ็บหนัก ] เป็นวินาสน์กับดาว ๓ นิจจ์ที่โคจรอยู่ที่ราศีกรกฏภพศุภะ
[ สุขภาพ ] เกตุจรไปทับเกตุเดิม เพิ่มความวุ่นวายขึ้นมาอีก ดาว ๒ จรก็กุมทับดาว ๒ ในดวงเดิม
ดาว ๖เจ้าเรือนภพวินาสน์ก็ไปกุม ดาว ๗ ในดวงเดิม เข้าตำรา ศุกร์กับเสาร์เป็นเสี้ยนศัตรูเข้าไปอีก
ดาว ๔ เจ้าเรือนมรณะก็กุมดาว ๗เดิมอีกเหมือนกัน ได้คู่สมพลก้น่าจะดีอยู่บ้างแต่กลับให้โทษ...
เพราะดาว ๗ จรอยู่ที่ภพวินาสน์ลัคน์ ทับดาว ๓ ประเดิม ให้โทษ 100 %แถมยังมีดาว ๐ จรอยุ่ที่
ราศีมีนภพ ปุตตะ [การเกิด ] เล็งดาว ๔ และดาว ๖ ที่กำลังพูดถึงอย๋พอดี...ไม่รอด...

...สรุปผมเป็นมะเร็งลำใส้ใหญ่ ต้องมีการผ่าตัด...ซึ่งการผ่าตัดก็เกิดขึ้นวันที่ ๑ ต.ค.๒๕๕๖
ในวันนั้นดาว ๓ อยู่ที่ราศีกรกฏโอบหลังดาว ๒ ที่ราศีสิงห์ มีดาว ๑ กุมดาว ๒ อยู่ที่ราศีสิงห์
เข้าตำราเหมือนเดิมทุกประการ ...เป็นอุทาหรณ์ว่าโหราจารย์ทุกท่านเวลาดูดวงตัวเองอย่า
เข้าข้างตัวเองเหมือนผมเป็นอันขาด...นับว่าเป็นบทเรียนที่สุดแสนจะประเสริฐสุดจริงๆครับ...

...พบกันในบทเรียน+บทความหน้ากันนะครับ...สวัสดี...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น