วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาโหร


                                                             อ.อรุณ ลำเพ็ญ


                      ปัญหาโหร                                        

คัดลอกจาก "ปัญหาโหร" ในพยากรณ์สาร ฉบับเดือนกันยายน ปี 2529 อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ เป็นบรรณาธิการ ...

เรียน กองบรรณาธิการ พยากรณ์สารที่นับถือ ...

ผมเป็นนักโหราศาสตร์อยู่ในกรุงเทพ ฯ รักวิชาโหราศาสตร์ไทยเป็นชีวิต สนใจมานานพอสมควร รู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ที่ไม่รู้นั้นก็มากกว่ารู้ แต่เดิมเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันหลายคน เรียนโหราศาสตร์ไทยมาพร้อมๆ กัน นานปีเข้าเพื่อนๆต่างแตกแยกไปเรียนโหราศาสตร์ระบบอื่นหลายระบบ เหลือแต่ตัวผมเอกาอยู่กับโหราศาสตร์ไทยคนเดียว
 

เมื่อเพื่อนๆ เกิดความสันทัดในโหราศาสตร์ระบบอื่นเข้าก็กลับมาชักชวนให้ผมทิ้งโหราศาสตร์ไทยเสีย แล้วไปเรียนตามระบบของเขา ใจผมยังยึดมั่นในโหราศาสตร์ไทยระบบดวงอีแปะอยู่ แต่นานเข้า เหตุผลที่ชักชวนสารพัดเหตุสารพัดผล ทำให้จิตใจผมไขว้เขว โอนเอน เหมือนใบไม้ต้องลม เพื่อนบางคนชวนไม่สำเร็จ พาลดูหมิ่นลบหลู่ตัวผมและโหราศาสตร์ไทยไปพร้อมๆกัน เกือบๆจะโกรธกันไปหลายราย ...


ทุกวันนี้ผมคับแค้นใจเหลือเกิน เกิดปมด้อยเพราะเรียนโหราศาสตร์ไทยต้องคอยหลบๆหลีกๆนักโหราศาสตร์ด้วยกัน เมื่ออยู่ในกลุ่มสังคมนักโหราศาสตร์ จะพูดจะคุยเรื่องโหราศาสตร์ไทยด้วยกัน ก็ต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังแอบๆคุยกัน เพราะกลัวถูกขัดคอและดูหมิ่นเหมือนกับว่าโหราศาสตร์ไทย (ดวงอีแปะ) นี้ต่ำต้อยเสียเหลือประมาณ ...

ขอเรียนถามตรงๆว่าผมควรจะเรียนรู้โหราศาสตร์ไทยต่อไปหรือไม่เพราะเกิดความสงสัยไม่แน่ใจในความสามารถของดวงอีแปะ ...

                                                                      นายโง่ 


เรียนคุณโง่....? 

ปัญหาที่คุณถามมาไม่น่าจะเป็นปัญหาโหร แต่ควรจะเป็นปัญหาชีวิตมากกว่า ผมได้รับคำปรับทุกข์ ในทำนองนี้อยู่เสมอ น่าเห็นใจ ...

ผมว่าคุณลบหลู่ตัวคุณเอง แม้แต่ในการใช้ชื่อในจดหมายก็ไม่เป็นมงคลนาม และคุณเองนั้นแหละที่ลบหลู่โหราศาสตร์ไทยด้วยตัวคุณเอง คือ เรียกโหราศาสตร์ไทยว่า "ดวงอีแปะ" ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1 สตางค์แดงของจีนเท่านั้น โหราศาสตร์ไทยระบบนี้เขาเรียก "ราศีจักร์" เหตุที่คุณเล่ามา ล้วนแต่คุณคิด คุณทำ ในด้านดูหมิ่นตนเองจนกลายเป็นปมด้อย ...

จริงอยู่ โหราศาสตร์ไทยระบบราศีจักร์นี้มีจุดอ่อนอยู่ คือ เรียนรู้ง่าย แต่พยากรณ์ยาก ส่วนมากจะไปติดขัดอยู่ตรงการพยากรณ์ทั้งดวงเดิมและดวงจร ...

โปรดอย่าหาว่าตำหนิติเตียน ส่วนมากการเรียนโหราศาสตร์ไทย 90 ใน 100 ไม่มีครูเป็นตัวเป็นตน ศึกษาจากหนังสือตำราบ้าง เก็บจากถ้อยคำนักโหราศาสตร์ด้วยกันบ้าง มีสภาพเหมือนคนเดินในที่มืด ไม่มีไฟส่องทาง ...


บ้างพอเริ่มต้นเรียน ก็เรียนในทางสกัดกั้นตนเอง เหมือนเดินในหนทางตันหาทางออกมิได้ ขอยกตัวอย่าง ที่มักมีปัญหาที่ติดขัดกันเป็นส่วนใหญ่ เช่นดวงเดิม ...

เวลาอ่านดวงอ่านดาว มักจับดาวลอยดวงเดียวโดดๆ อยู่ภพใดก็ทายแต่เรื่องภพนั้น บ้างก็จับดาวลอยทำมุมกับลัคนา เป็นจุดพยากรณ์ การใช้หลักพยากรณ์เช่นนี้ สำหรับนักพยากรณ์ริเริ่มใหม่ ไม่ควร เพราะต้องใช้ความจำมากในการจดจำกฎพยากรณ์ซึ่งมีมากมาย ผู้ที่ใช้ได้ดีจะต้องมีประสบการณ์มานานๆปี ...

ทางที่ถูกแบบแผนโหราศาสตร์ไทยแบบโบราณ คือ ยึดหลักเจ้าเรือนเข้าไว้ เจ้าเรือนภพใดไปสถิตอยู่ภพใด อ่านความหมายของภพผนวกเข้าหากัน ส่วนดาวลอยจะเล่นเป็นความหมายรองเมื่อเข้าร่วมด้วย ใช้คู่มิตร คู่ศัตรู คู่ธาตุคู่สมพล ของดาว ใช้ธรรมชาติของดาว และ ธาตุแห่งดาว ธาตุแห่งเรือนราศีเข้าประกอบ ดาวใดที่ทำมุมสัมพันธ์ถึงก็ประกอบเป็นเรื่องเป็นราวพยากรณ์ ...

ดวงราศีจักร์ในระบบโหราศาสตร์ไทย เป็นแม่บทแห่งโหราศาสตร์ เป็นแก่นแท้ของโหราศาสตร์มาตลอดเวลานับ 1000 ปี และยังมีอานุภาพอยู่กระทั่งปัจจุบัน ...

ถ้าจะอ้างเรื่องราวยืนยัน เป็นเรื่องโบราณเก่าแก่ ท่านอ่านคิดว่าเป็นเรื่องนิทาน ขอเล่าเรื่องโหรไทยระบบราศีจักร์ยุค เมื่อเร็วๆนี้เล่าสู่กันฟัง เพราะมีผู้รู้เห็นยังพออ้างอิงมีตัวตนอยู่หลายท่าน ...


ประมาณ ปี พ.ศ. 2514 , 2515 สมาคมโหร ในยุคนั้น ได้ปรับปรุงเปลี่ยนระบบบริหารใหม่ มีห้องพยากรณ์ (ห้องสมุดปัจจุบัน) เป็นห้องรับแขกและสมาชิก มีการดูดวงพยากรณ์กันบ้างโดยกรรมการสมาคม แต่ก็เป็นการส่วนตัว ไม่เป็นกิจจะลักษณะ ...


สมาคมได้มอบให้อาจารย์ประทีบ อัครา และผมรับผิดชอบห้องพยากรณ์ เราสองคนได้มีความคิดก้าวหน้าขึ้นมาใหม่ โดยยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน คือ บุคคลภายนอกจะมาขอรับการพยากรณ์ได้ทุกท่าน โดยไม่เสียค่าพยากรณ์ แต่ต้องปฎิบัติดังนี้ คือผูกดวงแล้วนำขึ้นกระดานดำโดยเปิดเผย นักพยากรณ์จะต้องพยากรณ์ต่อหน้าให้ได้ยินกันทั่ว ๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกสมาคมที่จะเข้าฟัง เพื่อเรียนรู้ในกฎและวิธีการพยากรณ์ ...


พอจัดขึ้นแล้ว เหตุการณ์กลับผิดหวัง เพราะบรรดาโหรรุ่นเก่า ชี้หน้า ตอกเอาว่าผมและ อาจารย์ประทีบ อัครา วางแผนสร้างห้องโหรขึ้นเพื่อเผาเครื่องโหร ต่างไม่ยอมเข้าห้องโหรร่วมพยากรณ์ ...


ผมและอาจารย์ประทีบ อัครา ตกในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลยต้องผลัดกันมาเป็นนักพยากรณ์ยืนโรง ทุกวัน เสาร์กระทั่งค่ำ พอจัดไปได้ซักพัก ชักสนุกครื้นเครง มีผู้มารับการพยากรณ์มากและสมาชิกสมาคมก็เข้าฟังกันแน่น เพราะวิธีการพยากรณ์ใช้การอ่านดาวในดวงให้สมาชิกเข้าใจความหมายเสียก่อน แล้วจะเก็บดาวมาพยากรณ์ทั้งเดิมและจร เมื่อพยากรณ์ถูกต้องจะมีการปรบมือเฮฮากันอึ่งมี ...


เมื่อห้องโหร เป็นที่นิยม มีสมาชิกฟังคับคั่ง บางท่านถือสมุดดินสอ คอยจดกันทีเดียว ตอนนี้รู้ไปถึงเพื่อนฝูงนักพยากรณ์ที่ชอบสนุก ก็ เข้ามาร่วมวงด้วยมากท่าน เท่าที่นึกย้อนไปพอจดจำได้มี 1. พ.อ. เอื้อน มณเฑียรทอง 2. อาจารย์เชย บัวก้านทอง 3. คุณแหม่ม อาจารย์บุณเรือน วรรณวิจิตร 4. พ.ท.วิจอม ปรีดานุชาต 5. อาจารย์นภา วรบุตร์ 6. คุณจินดา ธรรมรังษี ซึ่งทุกท่านมักมาเป็นการประจำ ...


ส่วนท่านที่มาเป็นบางครั้งบางคราวก็คือ 1. อาจารย์สมัย วงศาโรจน์ 2. อาจารย์มหาบรรเทา จันทรศร 3. อาจารย์เทอม เสตะกสิกร และที่นึกไม่ออกคงมีอีก ...


ตอนนั้นนักพยากรณ์มาก พอดวงขึ้นกระดานดำแทบจะแย่งกันทายทีเดียว ห้องพยากรณ์ในยุคนั้นโด่งดังสุดขีด เล่าลือกันไปทั่ววงการโหราศาสตร์ ที่ยอมรับนับถือก็คือนักพยากรณ์ทุกท่านมีความสุจริตและจริงใจ กล้าพยากรณ์ดังๆได้ยินกันรู้ผิดรู้ถูก ไม่กลัวตกม้าตาย ...


การพยากรณ์ในยุคนั้น ผู้พยากรณ์ได้รับทั้งความสนุก ความสุข และบางทีก็มีความทุกข์ เช่น ...



คราวหนึ่งอาจารย์ประทีบ อัครา พยากรณ์คุณผู้หญิงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์แถวปากคลองตลาดว่า"เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาจะต้องได้ไปทำฟันที่เกิดเดือดร้อนขึ้นและเลี่ยมทองด้วย" เจ้าชะตายิ้มแล้วแยกเขี้ยวให้ดูฟันทองในปากเป็นการยืนยัน ...


คุณแหม่ม อาจารย์บุณเรือน วรรณวิจิตร ทายสุภาพบุรุษท่านหนึ่งว่า "ในชีวิตน่าจะเคยถูกไฟลวกร่างกายมาแล้ว" ซึ่งท่านผู้นั้นรับว่าจริง ท่านเป็นทหารเรือและเกิดอุบัติเหตุไฟลุกท่วมตัวต้องโดดน้ำ ...


พ.ต.ท. ประวิณ เกษมสุข พยากรณ์ท่านผู้หนึ่งว่า "การเดินทางมาห้องพยากรณ์นี้ ท่านมากัน 3 คน แต่ท่านเข้ามาคนเดียวอีกสองคนแยกทางกันหน้าสมาคม และสองคนที่แยกไปนั้นถือร่มไปด้วย" เจ้าชะตาพยักหน้าก็จริง แต่สีหน้าเหมือนถูกผีหลอก ... 


ส่วนผมนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งพยากรณ์แล้วเกิดความทุกข์ไม่สบายใจไปหลายวัน คือมีชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามาห้องโหร อายุร่วม 30 ฝ่ายหญิงยุให้ฝ่ายชายดูดวง แต่ฝ่ายชายสงวนท่าทีทำท่าจะปฏิเสธ และ เป็นคนเปิดเผย คือ บอกว่าตนไม่เชื่อถือโหราศาสตร์เป็นเรื่องเหลวไหล แต่เมื่อถูกฝ่ายหญิงเซ้าซี้หนักเข้าก็ยอมให้ผูกดวงขึ้นกระดานดำ และเจ้าชะตาบอกอนุญาตให้ทายได้ตรงๆ ได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ...


ดูกันไปหลายเรื่องมาถึงเรื่องครอบครัว ก็ ได้พยากรณ์ไปตามดาวว่า เรื่องภรรยาที่อยู่ด้วยกันขณะนี้มีความขัดแย้งกันกันอย่างมาก แต่จะเลิกร้างกันมิได้เพราะบุตรเป็นตัวเชื่อมโยงใยอยู่ เจ้าของดวงเห็นแกนั่งนิ่งคอแข็งอยู่พักใหญ่ คุณผู้หญิงเอียงเข้าไปกระซิบไม่มีใครได้ยินว่ากระไร แล้วดูเหมือนร้องไห้กระซิกผลุนผลันออกจากห้องพยากรณ์ไป ...


คุณผู้ชายลุกขึ้นบอกเบาๆว่า ผมและเธอ กำหนดจะแต่งงานกันในเดือนหน้า เธอบอกเลิกการแต่งงานหมด เพราะผมหลอกเธอว่ายังเป็นโสด แล้ว ก็ รีบผละติดตามคงไปง้อ ...


แต่ตอนนั้น น.อ. เฉวียง สัชฌุกร เป็นนายกสมาคมและอยู่ในห้องด้วยท่านยกมือไหว้ผม มิได้ยกย่องหรอก ท่านว่า"บรรลัย แล้วอาจารย์ เขาแตกแยกกันบาปแน่" ...


...ผมกำลังตกใจตลึงเลยไม่ได้เถียง แต่นึกในใจว่า ผมทำบาปแต่ก็ได้บุญ... 


มีเรื่องสนุกอยู่เรื่องหนึ่งเกือบจะลืม ในตอนบ่ายประมาณสี่โมง เพื่อนนักโหราศาสตร์ไทย ด้วยกันท่านหนึ่ง ถือกล่องกระดาษสี่เหลี่ยม กว้างยาวประมาณสองคืบเข้ามาในห้องพยากรณ์มาถึงก็วางกล่องกระดาษโครมลงบนโต๊ะ ท่ามกลางพวกเราที่เป็นนักพยากรณ์ ซึ่งอยู่กันครบองค์แล้วถามว่า

 "ลองทายดูซิ ว่าในกล่องนี้มีอะไร" 

จะว่าท่านลองของ หรือ หักเหลี่ยม ก็ ใช่ที่ เพราะท่านกับเรา รักชอบกันเป็นอันดี คงจะเกิดอารมณ์พิเรนขึ้นมา พวกเรานั่งนิ่งงงๆ ได้แต่มองหน้ากัน เสียงใครแนะว่าขอให้เอาดวงเจ้าของกล่องขึ้นกระดาน ท่านผู้นั้นเดินอ้อมโต๊ะไป เขียนดวงท่านลงบนกระดานดำเอง เพราะท่านก็ เป็นโหราศาสตร์ เขียนทั้งดวงเดิมและดวงจรครบถ้วน จำได้ว่าลัคนาอยู่เมษ ... 

พวกเราอ่านดวงอ่านดาว แล้วก็นิ่งกันไปอีกพัก เหมือนเกี่ยงกันให้เพื่อนทายก่อน เสียงอาจารย์เทอม บ่นพึมพำดังได้ยินกันไปทั่วแล้วนับนิ้วว่า ... 

"วันนี้วันเสาร์ สี่โมงเย็น มันยามจันทร์นี่" ...


 ดวงตาทุกคู่ไปรวมกันอยู่ที่ดวงบนกระดาน จันทร์จรวันนั้นอยู่ที่ราศีตุลย์ พอจับเงื่อนได้ที่นี้แทบจะแย่งกันทายทีเดียว จนจำไม่ได้ว่าเสียงใครพยากรณ์บ้าง เพราะทุกคนมัวแต่จับตาดูดวงบนกระดานดำ ... 

"ยามจันทร์ ความหมายของจันทร์ ก็คือ ของ อ่อนๆ นิ่มๆ บอบบาง" พวกเราคลางฮือยอมรับ เสียงนักพยากรณ์ อีกท่านสวนทันควัน "จันทร์เจ้ายามอยู่เรือนศุกร์ ต้องเป็นของสวยๆ งามๆ แน่ " เสียงพวกเราครางฮือตามอีก ...

 อีกท่านจับภพมาพยากรณ์ว่า "จันทร์จรอยู่ภพปัตนิ ของเจ้าชะตา ต้องเป็นสิ่งของของเพศตรงข้าม หรือ ของภรรยาเจ้าชะตานั่นเอง" พอตอนมีเสียงฮือชักดังเพราะพวกคนดูผสมคลางฮือด้วย ...

 และอีกท่านละเอียดออกไปคือว่า "จันทร์อยู่เรือนศุกร์ และศุกร์เจ้าเรือนในดวงเดิมไปอยู่ราศีมีนเป็นวินาสน์แก่ลัคนา มันของเร้นลับ ปิดบัง ไม่เปิดเผย" ...

เมื่อประมวลคำพยากรณ์เข้า พวกเราเดาในใจตรงกันอยู่ว่าดาวมันระบุน่าว่าจะเป็นผ้าอนามัยสตรี แต่ไม่กล้าพยากรณ์ตรงๆ เพราะดูหยาบคายและที่สำคัญกลัวผิด ...

 เจ้าของกล่องหัวเราะชอบอกชอบใจ บอกว่าเป็นของฝากภรรยาเป็นของขวัญวันเกิดและแกะกล่องเปิดออก คนที่นั่งฟังอยู่ห่างๆ ลุกเข้ามารุมล้อมดูใกล้ ปรากฏว่าของข้างในคือ ...

 ... กางเกงในสตรี ผ้าเยอรซี่ สีฟ้าอ่อน ...

คุณโง่เจ้าของปัญหาที่มีปมด้อย คงจะพอสบายใจบ้างว่าดวงไทย ระบบราศีจักร์ยังมีศักดานุภาพอยู่เสมอ ตั้งหน้าตั้งตาเรียนโหราศาสตร์ไทย ไปเถิด ...

...เรียนอะไรให้รู้จริงแต่สิ่งเดียว เรียนให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล...



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น